ASL ANALYSIS GUIDE

ประเมิน SET แกว่งตัว Sideway down คงคำแนะนำ Trading ในกรอบ 1,460-1,480

ประเด็นการลงทุน
1. FED ยืนยันขึ้นดอกเบี้ย
2. World Bank เพิ่มคาดการณ์ GDP66 ขยายตัว 3.9%
3. ททท. เผยภาพรวมการท่องเที่ยวไตรมาส 2 เติบโตดี
  • วันนี้เคาะ CENTEL รับปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวเด่นส่งผลให้ CENTEL ที่มีพอร์ทโรงแรมในประเทศสูงได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่ม

MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,466.93 จุด ลดลง 11.17 จุด (-0.76%) มูลค่าซื้อขาย 48,884.27 ล้านบาท ตลาดขาดความเชื่อมั่นอย่างแรง กลุ่มแบงก์ถูกขายหนักทำ Sentiment แย่ ภาพการเมืองในประเทศการจัดตั้งรัฐบาลเกิดความไม่แน่นอน

Research Highlight: เฟดยืนยันขึ้นดอกเบี้ย – ปัจจัยการเมืองในประเทศไม่ชัดเจน กดดันบรรยากาศการลงทุน

FED ยืนยันขึ้นดอกเบี้ย

  • พาวเวลเข้าร่วมงานเสวนาว่าด้วยนโยบายการเงินของธนาคารกลาง ซึ่ง ECB จัดขึ้นที่เมืองซินตรา ประเทศ โปรตุเกส โดยจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 5.50-5.75% ภายในสิ้นปีนี้
  • ทั้งนี้กลับสวนทางกับตลาดที่เชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นเพียงครั้งเดียว คือ รอบปลายเดือน ก.ค. นี้ ที่ระดับ 5.25- 5.50% และจะคงที่ระดับดังกล่าวไปตลอดทั้งปี อย่างไรก็ดี เริ่มมีกระแสว่าเฟดอาจจะทำการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยในการประชุมครั้งเว้นครั้ง ซึ่งพาวเวลก็ไม่ได้ปฏิเสธโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์นี้เช่นกัน
  • ด้าน US bond yield ปรับตัวลง แต่ภาพใหญ่ยังทรงตัว ขณะที่ Dollar index แข็งค่าขึ้น

World Bank เพิ่มคาดการณ์ GDP66 ขยายตัว 3.9%

  • World bank เพิ่มคาดการณ์ GDP ไทยปี 66 โต 3.9% หลังภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว และดีมานด์จากจีน แข็งแกร่งกว่าคาด ส่วนปี 67 ประเมิน GDP จะขยายตัวชะลอตัวลงเหลือ 3.4% โดยได้ภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน เป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
  • ทั้งนี้ในช่วง 2H66 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวแรงจาก 1.จำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะฟื้นเร็วกว่าที่คาด และฟื้นเร็วกว่าที่เห็นช่วงครึ่งแรกของปี 2. ภาคการส่งออกที่น่าจะพลิกกลับมาเป็นบวก หลังจากติดลบต่อเนื่องในช่วงต้นปี เห็นภาพการฟื้นตัวในอุตสาหกรรมกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ชิ้นส่วน น่าจะสนับสนุนให้เกิดภาคการลงทุนที่ดีขึ้น และ 3.ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่น่าจะทรงตัว หรือกลับมาย่อลงเล็กน้อย ตามปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐ ยุโรป ที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตช้าลง
  • ความเสี่ยงที่น่ากังวล 1. ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล อาจจะมีความล่าช้า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ คือ ต่างชาติ wait and see การลงทุนในไทย 2.เศรษฐกิจโลกชะลอโดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน 3. เฟดมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อ หลัง core inflation ยังลดลงค่อนข้างช้า ด้านกนง. มีโอกาสที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อประคองแรงกดดันเงินเฟ้อในอนาคต
  • ในเชิง sentiment เราแนะนำ Selective buy ในธีม Domestic play เช่น ค้าปลีก-ศูนย์การค้า CPALL DOHOME CPN PLAT ธนาคาร KBANK SCB ท่องเที่ยว CENTEL MINT SPA

ททท. เผยภาพรวมการท่องเที่ยวไตรมาส 2 เติบโตดี

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยภาพรวมการท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 2 ของไทย ตลาดในประเทศเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และคาดว่าปีนี้จะทำรายได้ในประเทศได้ตามเป้าที่ 8.8 แสนล้านบาทแน่นอน
  • ส่วนตลาดต่างประเทศ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าสู่ประเทศไทยแล้วราว 12-14 ล้านคน ดังนั้นเชื่อว่านักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ 25 ล้านคนได้อย่างแน่นอน และมีโอกาสที่จะมีจำนวนถึงเป้าสูงสุดที่วางไว้ที่ 30 ล้านคนได้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 4 ที่เป็นช่วง High Season ที่คาดว่าจะมีนักท่องเทียวต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้น
  • หุ้นที่ได้รับประโยชน์ ได้แก่ AOT จากจำนวนเที่ยวบินและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น, กลุ่มโรงแรม Top pick ได้แก่ AWC, ERW, และ SHR

เวียดนามปรับลด VAT ลงในช่วงครึ่งปีหลัง

  • ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเวียดนามได้ผ่านร่างกฎหมายเพื่อลดภาษีมูลค่าเพิ่มในช่วงครึ่งปีหลังจาก 10% เหลือ 8% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • อย่างไรก็ดี มีสินค้าและบริการบางรายการที่ไม่ได้อยู่ในร่างกฎหมายฉบับนี้ เช่น โทรคมนาคม เทคโนโลยี สารสนเทศ การประกันภัย ผลิตภัณฑ์โลหะ และปิโตรเลียมกลั่น
  • เวียดนามเคยลดภาษี VAT ก่อนหน้านี้แล้วในช่วงเดือน ก.พ. – ธ.ค. 2565 (ลดจาก 10% เหลือ 8% เช่นกัน) ซึ่งสามารถกระเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ได้จริง การลดภาษี VAT ครั้งนี้คาดว่าจะทำให้รายได้จากภาษีของเวียดนามนั้นลดลง 24 ล้านล้านดอง หรือราว 1.02 พันล้านดอลล่าร์ในปีนี้ ในเชิง Sentiment คาดว่าหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกคือกลุ่มหุ้นที่มีการลงทุน และยอดขายในประเทศเวียดนาม ได้แก่ CRC SCGP CPE SUPER

Investment Strategy

  • SET มีแนวโน้ม sideway down คงคำแนะนำ Trading ในกรอบ 1460-1480 รวมถึงการ rollover จาก series M เป็น U มองว่าเป็นการเปิดสถานะ Short เป็นส่วนใหญ่ เป็นอีกปัจจัยกดดันดัชนี
  • ขณะที่ 2s10s spread ของไทยปัจจุบันเท่ากับ 0.38% ทำจุดต่ำต่อเนื่อง และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 20 ปี ที่ 1.19% เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ M2 growth ของไทยยังชะลอการขยายตัวลงสะท้อนสภาพคล่องของระบบที่ลดลง รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง

  • ปัจจัยทางการเมืองจะเป็น Key Catalyst โดยเริ่มเห็นความคืบหน้าของว่าที่พรรคร่วมรัฐบาล หลังพรรคก้าวไกลนัด 8 พรรคร่วม 2 ก.ค. นี้ ขณะที่แกนนำของ 2 พรรคใหญ่ยืนยันว่าจะไม่มีการพลิกขั้วทางการเมือง ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำ Selective buy กลุ่มที่ Laggard ตลาดในธีม Domestic play หากพิจารณา EYG ปัจจุบันที่ระดับ 3.03% สูงกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เกิดโควิด-19 และยังมีความน่าสนใจกว่าภูมิภาค

  • ขณะที่กลุ่มพลังงานจะปรับตัวขึ้นโดดเด่นตามราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นแรง หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงมากกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนให้เห็นว่าอุปสงค์พลังงานในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และช่วยบดบังปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น แนะนำ เก็งกำไร PTTEP TOP BCP PTTGC

Global Markets

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบหลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณ เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดบวกเล็กน้อย โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2566 ของสหรัฐในสัปดาห์นี้

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกโดยได้แรงหนุนจากการ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แม้นาง คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตือนว่า ECB ยังไม่เห็นหลักฐานที่เพียงพอที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลงก็ตาม

(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดพุ่งขึ้น หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยบดบังปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลบ โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และจากการที่นาย เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

หุ้นเคาะไป คุยไป…CENTEL

  • ประเมินแนวโน้ม 2Q66 เริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซันของอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวไทย จึงยังคงคาดการณ์อัตราการเข้าพักเฉลี่ยโดยรวมทั้งไตรมาสที่ประมาณ 60-65% ส่วนธุรกิจอาหารภาพรวมยอดขายต่อสาขายังคงฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งทุกสาขาทั่วประเทศ ตามกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งจากนักท่องเที่ยว และความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย ของประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล
  • ขณะที่ Guidance ปี 66 ธุรกิจโรงแรม ตั้งเป้า Occupancy rate ระดับ 65-72% และ RevPar ในกรอบ 3,250-3,400 บาท ส่วนธุรกิจอาหาร ประเมิน SSSG (same store sell growth) ในกรอบ 7-9% และ TSS (Total store sell growth) ที่ 13-15% โดยมีสาขา outlet ประมาณ 120-150 ซึ่งรวมร้าน Arigato ใน Mister Donut แล้ว
  • ในเชิง sentiment รับปัจจัยบวกจากนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวเด่น ส่งผลให้ CENTEL ที่มีพอร์ทโรงแรมในประเทศสูงได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่ม ขณะที่ ททท. รายงานภาพรวมการท่องเที่ยว YTD ต่างชาติเข้าไทยอยู่ที่ประมาณ 12-14 ล้านคน และมองว่าเป้าหมายจํานวนนักท่องเที่ยวเดิมที่ 25 ล้านคน สามารถทำได้แน่นอน
- Advertisement -