Daily Focus: Expected Short-Term Rebound 

2023SET Target: 1620

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน ปิดลบอีก 11.17 จุด ณ สิ้นวัน กลุ่มธนาคารเผชิญแรงขายทำกำไรหลัง Outperform ตลาดต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเร่งตัวขึ้นเป็น 4.9 หมื่นลบ. สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.8 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 506 ลบ. (แต่ยังคง Short Index Futures อีก 7.2 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสฟื้นตัวระยะสั้นหลังจากปรับตัวลงต่อเนื่องราว 100 จุด ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มพลังงานมีโอกาสฟื้นได้ระยะสั้น หลังราคาน้ำมันดิบพลิกมาปรับขึ้นราว 3% อย่างไรก็ตาม เรายังมอง Upside การฟื้นตัวของดัชนียังจำกัด จากทั้งนโยบายการเงินทั่วโลกที่ยังตึงตัว โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกทั้งสหรัฐฯ และยุโรปเพื่อสู้เงินเฟ้อ และคาดจะเริ่มส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจชะลอชัดขึ้นใน 2H23 ส่วนปัจจัยในประเทศยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองกดดัน โดยต้องติดตามการเจรจาเก้าอี้ประธานสภาฯ ก่อนโหวตสัปดาห์หน้า ทำให้ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนยังไม่ขั้นเป็นบวกมากนัก เรายังชอบกลุ่ม Domestic Play ที่อิงกับสินค้าบริการจำเป็น รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวคาดว่ายังปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดต่อเนื่อง และได้อานิสงส์จากการบริโภคและนักท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวใน 2H23

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและมีแนวโน้มกำไร 2Q23-2H23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมแล้วยังถือลงทุนต่อเนื่อง

หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : BDMS, CPN, MAKRO, MINT, ORI

หุ้นเด่นวันนี้ : PJW

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท
  • โมเมนตัมกำไร 2Q23 คาดว่ายังเร่งตัวต่อเนื่อง และได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นและจีนเปิดประเทศ รายได้คาดยังโตต่อเนื่องและต้นทุนที่ปรับลงตามราคา Commodity หนุน Gross Margin ดีขึ้น
  • เราคาดก่าไรสุทธิปี 2023 ฟื้นตัวแรงเป็น 159 ลบ. +91% y-y จากปัญหาจีน Lockdown และต้นทุนแพงปีก่อนที่ผ่อนคลายลง
  • แนวรับ 4-3.90 บาท แนวต้าน 4.20-4.30//4.60 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคอีก US$705 ล้าน ยังคงกระจุกตัวที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ US$315 ล้าน และ US$407 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าบางๆ ที่ไทยและเวียดนาม แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลออก แต่ปริมาณคาดบางลง รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯปลายสัปดาห์

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) สุนทรพจน์ของ Fed Chair Powell ในงาน ECB Forum เมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ เพื่อกดเงินเฟ้อให้ถึงเป้าหมาย 2% และตลาดแรงงานยังร้อนแรง ขณะที่นางลาการ์ด ประธาน ECB และบรรดาผู้นำธนาคารกลาง ก็ยังแสดงความเห็นว่านโยบายการเงินแบบเข้มงวดยังคงดำเนินต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ภาพรวมยังคงไม่เอื้อให้สินทรัพย์เสี่ยงบวกแรง

(+) TACC กำไรจากการดำเนินงานปกติกลับมาฟื้นตัว เราคาดกำไรสุทธิ 2Q23 ไว้ที่ 53 ลบ. +26% q-q, -22% y-y โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) ปัจจัยด้านฤดูกาลในธุรกิจเครื่องดื่ม และ 2) ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง นอกจากนี้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก TCI ยังน่าจะอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ HIP จะมีผลขาดทุนเต็มไตรมาส และจากส่วนแบ่งผลขาดทุนที่สูงกว่าที่คาดไว้เดิม เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2023 เหลือ 201 ลบ. -14% y-y และคาดกำไรปี 2024 จะโต +23% เป็น 247 ลบ. ราคาเป้าหมายใหม่ 6.60 บาท ราคาหุ้นปรับลงไปแล้ว 28% YTD สะท้อนข่าวร้ายไปหมดแล้ว แนะนำ “ซื้อ”

(-) GPSC ผู้ถือหุ้นโรงไฟฟ้าถ่านหินเก็คโค่-วัน เผยว่าได้รับข้อเรียกร้องต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการของสภาหอการค้านานาชาติ เมื่อ 14 มิ.ย 2023 จากคู่สัญญาในการจัดหาถ่านหิน ภายใต้สัญญาซื้ขายและขนส่งถ่านหิน กับเก็คโค่-วัน (รวมเรียกว่า CSTAs) อ้างว่า เก็คโค่-วัน ผิดสัญญา โดยยกเลิกการซื้อถ่านหิน ทำให้ CSTAs ได้รับความเสียหาย US$309 ล้าน ขณะที่ GPSC อ้างว่าเป็นไปตามเงื่อนไข CSTAs ที่ให้สิทธิในการยกเลิกการซื้อถ่านหินได้ หากเป็นผลมาจากการลดการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าของ EGAT เราเชื่อว่ากรณีพิพาษดังกล่าวอนุญาโต ตุลากรยังต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกนาน อย่างไรก็ตาม หากคำนวนมูลค่าการเรียกร้องความเสียหายต่อหุ้นของ GPSC อยู่ที่ราว 3.50+- บาท/หุ้น ราคาหุ้นน่าจะได้รับผลกระทบในเชิงลบระยะสั้น และอาจจะ Overhang ได้

(0) หุ้นเข้า-ออก SET50/SET100 งวด 2H23 สำหรับ SET50 หุ้นที่เข้าคือ TLI WHA หุ้นออก JMT JMART ส่วน SET100 คาดหุ้นหุ้นคือ AURA BTG ERW MBK SNNP STEC TASCO TLI หุ้นออก BEC EPG JAS KEX ONEE QH RBF SINGER

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 74.08 จุด หรือ -0.22% ปิดที่ 33,852.66 จุด หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ยังคงได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่งช่วยให้คลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก จากปัจจัยเฉพาะตัว โดยญี่ปุ่นบวกจากเยนอ่อนค่าหนุนส่งออก

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.58 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.86 ดอลลาร์ หรือ 2.75% ปิดที่ 69.56 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด ในขณะที่เช้านี้ปรับย่อตัวลงที่ระดับ 69.34 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.32%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่ 1,922.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และจากที่ประธาน FED ออกมาส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 1,917.80 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.23%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 926.81 / +1.15

- Advertisement -