วันน้ีคาดตลาด “Sideways”
แนวรับ 1,475 / 1,460 แนวต้าน 1,485 / 1,490 GDP สหรัฐออกมามากกว่าคาด มองเป็นปัจจัยเพิ่มความสามารถในการขึ้นดอกเบี้ยให้กับ FED แต่ รายงาน Stress Test ของ FED คาดผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารสหรัฐได้ สำหรับภายในประเทศติดตามความคืบหน้าทางการเมืองต่อ
Our View? “ยังไม่พ้นขีดอันตราย”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,475 / 1,460 และแนวต้านที่บริเวณ 1,485 / 1,490 คาดตลาดอาจได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากตลาดต่างประเทศบ้าง หลังจากที่เมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐรายงานตัวเลขประมาณการ GDP 1Q66 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐออกมา +2.00% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +1.40% และสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนหน้าที่ระดับ +1.3% สะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐใน 1Q66 ที่ขยายตัวมากกว่าคาด และลดทอนความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยได้บ้าง อย่างไรก็ดี เรามองเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีความสามารถในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ต่อ จากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง พร้อมการจ้างงานยังตึงตัวโดยเมื่อวานนี้ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 2.6 หมื่นรายสู่ระดับ 2.39 แสนราย ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทั้งนี้ CME FED Watch Tools เพิ่มน้ำหนักโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 5.50% ที่น้ำหนัก 85.0% 90.0% จากก่อนหน้าที่ระดับ 80.0% แต่ยังไม่คาดว่าจะขึ้นอีกครั้งในเดือน ก.ย. สะท้อนตลาดยังไม่ Price-In เกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นดังกล่าว ซึ่งจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่ตลาดคาดและคาดจะคงไว้ในระดับดังกล่าวช่วงเวลาหนึ่ง
อย่างไรก็ดี เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ FED เปิดเผยผลทดสอบ Stress Test ประจำปี โดยธนาคารขนาดใหญ่ทั้ง 23 แห่งของสหรัฐผ่านการทดสอบดังกล่าว สะท้อนความสามารถในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรงได้ โดยธนาคารทั้ง 23 แห่งมีเงินทุนขั้นต่ำสูงกว่าข้อกำหนดในช่วงที่เศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรง คาดเป็นปัจจัยเสริมความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐ และลดทอนความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยได้บ้าง เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุน
สำหรับวันนี้แนะนำติดตามตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน พ.ค. คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ +3.8% YoY และ +0.1% MoM เริ่มชะลอตัวลงบ้างแล้วแต่ตัวเลข Core PCE คาดยังอยู่ที่ระดับ +4.7% YoY และ +0.3% MoM ยังอยู่ในระดับสูง หากออกมาตามคาดเรามองเป็นการส่งสัญญาณถึงความสามารถในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ได้ต่อ
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. เมื่อคืนนี้พยายามฟื้นตัวขึ้นอย่างจํากัด ปิดที่ระดับ 69.86 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.30 ดอลลาร์ (+0.43%) ยังคงได้รับแรงหนุนจากการที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 9.60 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดลง 1.26 ล้านบาร์เรล สะท้อนอุปสงค์น้ำมันดิบของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แม้คาดตลาดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบจะลดลง จากผลกระทบของการใช้อัตราดอกเบี้ยในระดับสูงบ้างก็ตาม อย่างไรก็ตาม เรายังมองการปรับลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจของซาอุดิอาระเบียในช่วง เดือน ก.ค. นี้ เรายังมองเป็นปัจจัยจำกัด Downside ของราคาน้ำมันดิบได้บ้าง คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานรีบาวด์ขึ้นได้
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรายังมองความไม่แน่นอนทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลจากความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลใหม่เกี่ยวกับปัญหาตำแหน่งประธานสภาฯ คาดจะเป็นปัจจัยสร้างความกังวลต่อแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าออกไปได้ต่อ และเป็นปัจจัยหลักจำกัด Upside การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อย่างไรก็ดี การเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของเดือน มิ.ย. คาดจะเริ่มเห็นการ Preview ผลประกอบการของหุ้นในกลุ่มธนาคาร (BBL, KTB, KBANK และ SCB) ที่คาดกำไร 2Q66 ยังอยู่ในภาพการฟื้นตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งเราเริ่มเห็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อในบางธนาคารฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว อีกทั้งคาดยังเป็นหุ้นที่มีความปลอดภัยในการเป็นเป้าหมายในการทำ Window Dressing ในรอบปิดงบ 2Q66 ได้
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนาวันน้ี “OR”
- คาดผลประกอบการ 2Q’66 ฟื้นตัวขึ้นจากแรงกดดันของค่าการตลาดดีเซลที่ต่ำในช่วงที่คุมราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกไม่เกิน 35 บาท หมดไป อีกทั้งธุรกิจ Non-Oil คาดฟื้นตัวตามการท่องเที่ยวของไทยหนุนกำไรฟื้นตัว
- ทางเทคนิคราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับที่เส้นแนวโน้มขาขึ้น แล้วพร้อม SSTO เข้าใกล้ภาวะ Oversold แนะนำทยอยซื้อสะสม
- กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 20.10 / 19.80 Target 21.40 / 22.70 Stop <19.60