บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในประเทศไทยสำหรับภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป ด้วยจุดเด่นในการส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก หลากรูปทรง ถือเป็นผู้ให้บริการระดับ Niche ในตลาด Logistics ของประเทศไทย เข้าเทรดวันแรกในตลาด mai ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เปิดตลาดฯ ยืนเหนือจอง 78.79 % จากราคาไอพีโอ 3.30บาท/หุ้น สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ฟากซีอีโอ “ภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา” ปักหมุดปีนี้รายได้โต 15-20% จากนี้เดินหน้าลุยขยายศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าระดับภูมิภาค ปรับกองยานพาหนะเป็นรถขนส่งพลังงานไฟฟ้า ลงทุนสถานีชาร์จไฟฟ้า พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ชี้ช่วยลดต้นทุนพลังงาน 50% เพิ่มศักยภาพการจัดส่งสินค้าในอีก 3 ปีแตะ 1 ล้านชิ้นต่อเดือน จากปัจจุบัน 3.5-6 แสนชิ้นต่อเดือน มั่นใจพันธมิตรช่วยต่อยอดธุรกิจ ผลักดันอนาคตโตก้าวกระโดดและเป็นหุ้น High Growth
บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) ในหมวดบริการ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เป็นวันแรก ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปอย่างดีเยี่ยม โดยเปิดซื้อขายที่ 5.90 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท คิดเป็น 78.79% เปรียบเทียบจากราคาไอพีโอที่ 3.30 บาทต่อหุ้น
นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL เปิดเผยว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีมูลค่าการซื้อขายคึกคักอย่างมาก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ โดยเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจโลจิสติกส์ของประเทศไทย สำหรับภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป ด้วยจุดเด่นในการส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก หลากรูปทรง ถือเป็นผู้ให้บริการระดับ Niche ในตลาดLogistics ของประเทศไทย ภายใต้สโลแกน “ส่งหนัก ส่งใหญ่ ส่งทั่วไทย ใช้ TP Logistics” โดยบริษัทฯ มีกลุ่มลูกค้ากระจายไปในกลุ่ม B2B B2C C2C ในอัตราไล่เลี่ยกัน ปัจจุบันบริษัทให้บริการจัดส่งสินค้าและสิ่งของประมาณ 3.5-6 แสนชิ้นต่อเดือน มีจุดให้บริการกว่า 120 แห่งทั่วประเทศ และยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากสอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทย
“ผมขอขอบคุณ นักลงทุนที่ให้การต้อนรับหุ้น TPL อย่างอบอุ่น โดยมีทีมผู้บริหารและพนักงานให้คำมั่นว่าจะทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนในศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าระดับภูมิภาค (Regional Hub) ที่จังหวัดนครสวรรค์ นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี และการลงทุนในศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกและกระจายสินค้า โดยตั้งเป้าหมายจะสามารถเพิ่มศักยภาพการจัดส่งสินค้าเต็มความสามารถอยู่ระดับ 1 ล้านชิ้นต่อเดือนภายใน 3 ปี หรือเติบโตเท่าตัว รวมทั้งมั่นใจว่ากลุ่มพันธมิตรที่ร่วมถือหุ้น จะช่วยสนับสนุนและเพิ่มโอกาสต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต”
อีกทั้งการลงทุนในยานพาหนะที่เป็นรถขนส่ง EV ทั้ง 6 ล้อและ 4 ล้อ รวมถึงการสร้างสถานีชาร์จ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภาคกลาง ที่คาดว่าจะสามารถลดต้นทุนพลังงานเชื้อเพลิงได้กว่า 50% ช่วยสนับสนุนให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20%
นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับบริษัทฯ ซึ่งหุ้น TPL เปิดซื้อขายได้อย่างน่าประทับใจจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยการเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ในประเทศไทย สำหรับทั้งภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป ด้วยการส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก หลากรูปทรง มีผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมานานกว่า 18 ปี และผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีกำไรทุกปี สะท้อนได้ว่าสามารถฝ่าวิกฤติมาได้ทุกรอบ ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้เป็นอย่างดี
“TPL ถือเป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน โดยเฉพาะหากพิจารณาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำเพียง 0.5 เท่า ซึ่งไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน และเงินที่ได้จากการระดมทุนจะสามารถช่วยให้เพิ่มศักยภาพธุรกิจและเงินทุนหมุนเวียนผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”
นายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการ การจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL กล่าวว่า การเปิดซื้อขายหุ้นTPL เป็นวันแรกประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นหุ้นโลจิสติกส์ที่มีความแตกต่างและมีจุดเด่นในหลายประการ โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนรวมถึงปัจจัยพื้นฐานการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบริษัทฯ และสามารถนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปต่อยอดธุรกิจในอนาคต ช่วยผลักดันการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน