บล.กรุงศรีฯ:
PLAN B MEDIA (PLANB TB/ PLANB.BK)
กลุ่มอุตสาหกรรม | สื่อและสิ่งพิมพ์ |
หุ้น | PLANB |
มูลค่าพื้นฐาน | 8.00 |
คำแนะนำ | HOLD |
ราคาหุ้น PLANB ตกลงมา 13% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เรามองว่า upside ยังไม่มากพอให้กลับเข้าไปซื้อ และยังคงคำแนะนำถือ เรามองว่าปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลกระทบอย่างแท้จริงกับผลประกอบการคือความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเราคาดว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะส่งผลกระทบกับ UR ของ PLANB ในเดือนมิถุนายน และ 3Q23 แต่จะยังไม่กระทบใน 2Q23 ทั้งนี้ แม้ว่าประมาณการของเราจะอยู่ในช่วงขอบล่างของ consensus แต่เรามองว่ายังมี downside อีก ซึ่งหมายความว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ในตลาดยิ่งมี่ downside มากขึ้นไปอีก และจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นต่อไป
ราคาหุ้นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดดันจากหลายปัจจัย
เราเชื่อว่ามีสามปัจจัยที่ฉุดให้ราคาหุ้น PLANB ตกลงมาแรงถึงเกือบ 13% ภายในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์ ปัจจัยแรกคือผลประกอบการ 2Q23 ที่อาจจะออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดเอาไว้ก่อนหน้านี้ เพราะอุปสงค์ถูกกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ปัจจัยที่สองคือข่าวว่า PLANB อาจจะเข้าร่วมประมูลสิทธิในการดำเนินงานทรัพย์สินเพื่อการโฆษณา ซึ่งได้แก่ ป้ายโฆษณา และจอดิจิทัลที่ “สถานีกลางบางซื่อ” และ “สถานี 12 แห่งของรถไฟฟ้าสายสีแดง (ตลิ่งชัน-บางซื่อ-รังสิต) โดยในส่วนของสถานีบางซื่อ อาจจะดูมีแนวโน้มดี แต่จะต้องแข่งกับ King Power ดังนั้น บริษัทจึงอาจจะประมูลได้ที่ราคาสูง ซึ่งจะทำให้ IRR ลดลง ปัจจัยสุดท้ายคือ บริษัทอาจจะเสียรายได้ค่าโฆษณาจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย (FAT) ในส่วนของ Thai League 1 หลังจากที่ FAT ส่งต่อสิทธิ์ในการดูแล Thai League 1 ไปให้กับบริษัทใหม่ซึ่งอาจจะตั้งขึ้นมาโดยทีมต่าง ๆ ที่อยู่ใน Thai League 1 ซึ่งสาเหตุที่อาจะมีการโอนสิทธิ์จาก FTA ก็คือรายได้ค่าออกอากากาศการแข่งขัน Thai League 1 ลดลงอย่างมากเหลือเพียง 50 ล้านบาทเท่านั้นในฤดูกาลใหม่ (จะเริ่มในเดือนสิงหาคมปีนี้) จาก 350 ล้านบาทในฤดูกาลที่แล้ว
เรามองว่า downside ของประมาณการกำไรอยู่ที่ปัจจัยนการเมือง
หลังจากที่เราได้คุยกับผู้บริหาร PLANB เราเชื่อว่าปัจจัยเดียวที่อาจจะทำให้ประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรปีนี้ที่ 15.5% ไม่เป็นไปตามเป้าคือปัจจัยการเมือง ทั้งนี้ utilization rate (UR) เฉลี่ยในช่วงสองเดือนแรกของ 2Q23 อยู่ที่ 67.8% สูงกว่า 1Q23 ที่ 64.8% เล็กน้อย ในขณะที่เรามองว่า UR ใน 3Q23 มีความเสี่ยงด้าน downside โดยดัชนีชี้นำ อย่างเช่นดัชนีการบริโภคภาคเอกชน (PCI) มีแนวโน้มลดลง และเราคาดว่าจะลดลงมากขึ้นอีกใน 3Q23 จากความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งเราจะติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะปรับประมาณการใหม่ โดยในขณะนี้ เรายังคงประมาณการกำไรปี 2023 เอาไว้เท่าเดิมไปก่อน สำหรับโครงการบางซื่อ บริษัทบริษัทเปิดเผยว่าจะไม่เข้าร่วมประมูลเพราะไม่มีความชำนาญในโครงการนี้ ส่วนกรณีของ FTA บริษัทมีรายได้ 60 ล้านบาท และกำไร 6 ล้านบาทจาก Thai League ซึ่งในกรณีเลวร้ายที่บริษัทต้องเสียรายได้ส่วนนี้ไปจะทำให้กำไรในปี 2024 ลดลงเพียง 0.65% เท่านั้น
คงคำแนะนำถือ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 8 บาท
ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะตกลงมาแรงแล้ว แต่เรามองว่ายังไม่มากพอให้กลับเข้าไปซื้อ เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายของเราที่ 8 บาท ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำถือ