CWT เดินหน้าปรับโครงสร้างกลุ่ม CWTG รับแผน Spin off เข้าตลาดหุ้นภายในปีนี้
บอร์ด บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT) ไฟเขียวเพิ่มทุนจดทะเบียนในบริษัทย่อย “กรีน เพาเวอร์ 2 หรือ GP2″ และปรับโครงสร้างในกลุ่ม CWTG รับแผน Spin off ธุรกิจพลังงานเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้านผู้บริหาร “วีระพล ไชยธีรัตต์” เผยเตรียมยื่น Filing ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ภายในครึ่งปีหลัง วางเป้ากุมสัญญาซื้อขายไฟฟ้ามากกว่า 50 MW ภายในปี 66
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CWT) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 11/2566 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติแผนการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ “บริษัท กรีน เพาเวอร์ 2 จำกัด หรือ GP2” ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มพลังงานของบริษัทฯ โดยมีบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ชัยวัฒนา กรีน จำกัด หรือ CWTG ถือหุ้นโดยตรงคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนของ GP2 ทั้งนี้GP2 จะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 300,000,000 บาท เป็น 510,109,300 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 2,101,093 หุ้น และเสนอให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเดิม และเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในกลุ่ม CWTG
พร้อมกันนี้ มีอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่ม CWTG ที่ถืออยู่ในบริษัทย่อยกลุ่มธุรกิจพลังงาน โดย “บริษัท กรีน เพาเวอร์ 2 จำกัด หรือ GP2” จะเข้าถือหุ้นใน บริษัท กรีน เพาวเวอร์ 1 จำกัด หรือ GP1 , บริษัท กรีน เพาวเวอร์ 4 จำกัด หรือ GP4 , บริษัท กรีน เพาวเวอร์ 5 จำกัด หรือ GP5 และ บริษัท กาพสินธุ์รุ่งเรือง ไบโอ เพาวเวอร์ 2012 จำกัด หรือ KRR ตามสัดส่วนที่ CWTG ถืออยู่ในบริษัทต่างๆ ดังกล่าวโดย CWTG จะทำธุรกรรมการโอนหุ้นบริษัทกลุ่มดังกล่าวในราคาเท่ากับมูลค่าทางบัญชีสุทธิ (Net Book Value) ให้แก่ GP2 และ CWTG จะรับชำระค่าโอนหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน (share swap) จาก GP2 โดยจะไม่มีการชำระค่าตอบแทนในรูปแบบของตัวเงิน (No Cash Alternative) โดยบริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการด้านธุรกรรมให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้
กรรมการผู้จัดการ CWT กล่าวต่อว่า บริษัทฯ วางแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจกลุ่มพลังงาน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจ เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยแบ่งแต่ละกลุ่มธุรกิจอย่างชัดเจน เพื่อจะสามารถบริหารจัดการโครงการดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ ประกอบกับเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการ Spin Off ธุรกิจพลังงานเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยอยู่ระหว่างเร่งสะสมสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยตั้งเป้าหมายสะสมสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในมือ มากกว่า 50 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566
“บริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) สำหรับกลุ่มธุรกิจพลังงาน คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย”
สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง กลุ่มบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน เนื่องจากธุรกิจเบาะหนังบริษัทฯ มีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง และมีแผนการส่งมอบงานอย่างชัดเจน ขณะที่มีรายได้จากธุรกิจจำหน่ายไฟฟ้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ส่วนธุรกิจ SKC มีแผนการส่งมอบงานตามกำหนดเช่นกัน