Daily Focus: Domestic and Selective Play 

2023SET Target: 1620

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways หลังจากฟื้นตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วง 2 วันทําการก่อนหน้า โดยมูลค่าการซื้อขายที่บางลงเหลือ 3.3 หมื่นลบ. อย่างไรก็ตาม ดัชนียังปิดบวกได้อีกเล็กน้อย 3.74 จุด ณ สิ้นวัน โดยยังเห็นแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ในบางกลุ่ม ตลาดรอดูความชัดเจนของตำแหน่งประธานสภาฯ สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายชื้อสุทธิในตลาดหุ้นอีก 1.2 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 1.9 พันลบ. (และพลิกมา Short Index Futures 1.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways to Sideways Up โดยมีแนวต้าน 1,520+- จุด รอทดสอบ เราคาดตลาดจะทยอยมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นหลังได้ข้อสรุปตำแหน่งประธานสภาฯแล้ว คือ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา โดยเตรียมลงมติวันนี้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศตัวเลข ISM Manufacturing PMI สหรัฐฯ เดือน มิ.ย. แผ่วลงต่อเนื่องและต่ำสุดในรอบ 3 ปี ส่วนปัจจัยที่ตลาดรอติดตามคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน มิ.ย. ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศปลายสัปดาห์ ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 2.25 แสนตำแหน่ง ลดลงจากกเดือน พ.ค. ที่ 3.39 แสนตำาแหน่ง ส่วนไทยรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. พรุ่งนี้ ตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไป -0.1% y-y เงินเฟ้อพื้นฐาน +1.4% y-y หากออกมาต่ำกว่าคาดจะลดแรงกดดันสําหรับ กนง.ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อในอนาคต และจะเป็นบวกต่อเศรษฐกิจและสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยรวมเรายังเน้นลงทุนในหุ้น Domestic และ Reopening Play ซึ่งกระทบจากปัจจัยเสี่ยง ทั้งภายนอกและภายในที่จำกัด และได้อานิสงส์จากการบริโภคและนักท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวใน 2H23 ขณะที่ปัจจัยการเมืองโดยเฉพาะการโหวตเลือกนายกฯ หากมีสัญญาณบวกจะเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น

กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและมีแนวโน้มกำไร 2Q23-2H23 แข็งแกร่ง//ส่วนที่สะสมแล้วยังถือลงทุนต่อเนื่อง

หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : CPALL, CPN, MINT, NSL, TOA

หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72 บาท
  • เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q23 โดยล่าสุด SSSG คาดยังบวกได้ราว 8% y-y จากการบริโภคที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และเป็นช่วงหน้าร้อนทำให้เครื่องดื่มขายดี นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์จากค่าไฟภาคธุรกิจที่เริ่มปรับลงในเดือน พ.ค.-ส.ค. 23 ลดแรง กดดันด้านค่าใช่จ่าย
  • แนวโน้มกำไรใน 2H23 คาดจะได้อานิสงส์ทางอ้อมจากการปรับโครงสร้างหนี้ Lotus’s ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ส่งผ่านมายังส่วนแบ่งกำไรจาก CPAXT ที่จะดีขึ้น เรายังคงประมาณการกำไรปี 2023 ที่ 1.7 หมื่นลบ. +30% y-y
  • แนวรับ 61-60 บาท แนวต้าน 64.75-65//67.75 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาคตามคาด US$555 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวัน US$351 ล้านและ US$234 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าทุกประเทศบางๆ มีเพียงไทยที่ไหลออก US$56 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้าหลังตัวเลข PMI ภาคการผลิตสหรัฐฯอ่อนตัวลงต่อเนื่องและตลาดปิดทำการคืนนี้

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) BEYOND แม้เราคาดกำไรปกติ 2Q23 จะอ่อนแอเพราะเป็นช่วง low season แต่คาดบริษัทจะบันทึกกำไร 200-300 ลบ. จากการขายที่ดินระยอง ทำให้คาดว่า 2Q23 จะมีก่าไรสุทธิ 197 ลบ. ส่วนแนวโน้ม 2H23 กำไรจะปรับตัวดีขึ้นจากการฟื้นตัวของ RevPAR ที่แข็งแกร่งจากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ฟื้นตัวดี ซึ่งผู้เข้าพักชาวจีนกลายเป็นลูกค้าอันดับหนึ่งในแง่ของรายได้ จากห้องพักโรงแรมในปัจจุบัน เราปรับลดประมาณการกำไรปกติปีนี้ลง 7-8% เหลือ 25 ลบ. หลังปรับสมมุติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าปีนี้ของเราลงเหลือ 30 ล้านคน (เดิม 34 ล้านคน) แต่ปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2023 เป็น 275 ลบ. เพื่อสะท้อนกำไรจากการขายที่ดิน ยังคงราคาเป้าหมาย 24 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) GFPT เราคาดกำไรปกติ 2Q23 ที่ 344 ลบ. +45% q-q จากฤดูกาลที่ดีของการส่งออกไก่ และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง แต่ยัง -29% y-y โดยเราประมาณการว่า 2Q23 ปริมาณส่งออกไก่ และราคาขาย live chicken เฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นทั้ง q-q และ y-y ส่งผลให้รายได้เติบโตทั้ง q-q และ y-y ขณะเดียวกัน Goss Margin ก็ฟื้นขึ้นตามไปด้วย อีกทั้งคาดว่าราคา live chicken มีแนวโน้มปรับขึ้นอีกใน 3Q23 ดังนั้นแนวโน้มกำไร 2H23 จะเป็นบวกมากขึ้น เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติขึ้น 5% เป็น 1.36 พันลบ. -34% y-y นอกจากนี้การแพร่ระบาดของไข้หวัดนก H5N1 ในบราซิลกำลังหนักขึ้น ทำให้เป็นโอกาสของการส่งออกไก่ไทย ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 15.20 บาท แนะนํา “ซื้อ”

(-) PTTGC เราคาดผลการดำงาน 2Q23 จะอ่อนแอ และอาจเป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของปี 2023 ส่วนใหญ่เป็นผลจากค่าการกลั่นที่ปรับลงแม้ธุรกิจปิโตรเคมีจะดีขึ้นบางจากการใช้กำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น และส่วนต่างราคาสินค้าปิโตรเคมีและวัตถุดิบกว้างขึ้นเล็กน้อย แต่จะฟื้นตัวใน 2H23 จากทั้งค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาสินค้าและวัตถุดิบที่ดีขึ้น หลักๆ มาจากความต้องการในจีนที่ฟื้นตัวและราคา Crude premium ที่ลดลง ดังนั้นจังหวะที่ราคาหุ้นปรับลงรับงบ 2Q23 จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อรับกำาไร 2H23 ที่ฟื้นตัว

(0) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 10.87 จุด หรือ +0.03% ปิดที่ 34,418.47 จุด ท่ามกลางมูลค่าขายเบาบางก่อนจะทำการในวันที่ 4 ก.ค. เนื่องในวันชาติสหรัฐฯ

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์กดดันตลาด โดยเฉพาะหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า หลังบริษัทอาจไม่ได้รับประโยชน์จากการทดลองยารักษามะเร็งปอด

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุมของธนาคารกลางออสเตรเลีย

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่าอยู่ที่บริเวณ 35.00 บาท/ดอลลสหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 85 เซนต์ หรือ 1.20% ปิดที่ 69.79 คอลลาร์ /บาร์เรล เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะอ้วนลงเศรษฐกิจโลก ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 70.05 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.37%

(0) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 10 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 1,929.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนหยุดในวันชาติสหรัฐฯ ในขณะที่เช้านี้ปรับย่อตัวลงที่ระดับ 1,928.60 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.05%

SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 921.90 / –

- Advertisement -