บล.บัวหลวง:
True Corporation (TRUE TB/TRUE.BK)
TRUE – การแข่งขันด้านราคาที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2/66
เนื่องจากการปรับราคาเพิ่มขึ้นของทั้งบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการเน็ตบ้าน รวมถึงการแข่งขันด้านราคา โดยภาพรวมที่ลดลงสําหรับในไตรมาส 2/66 เราจึงคาดว่าจะเห็นผลกระทบของรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนที่ปรับตัวดีขึ้นเข้ามาเต็มไตรมาส สำหรับทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจเน็ตบ้านในไตรมาส 3/66 เรายังคงคําแนะนํา “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TRUE เนื่องจากความคาดหวังต่อผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว
การแข่งขันของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจเน็ตบ้านที่ดีขึ้น QoQ ในโตรมาส 2/66
เราคาดว่าการแข่งขันด้านราคาของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจเน็ตบ้านมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2/66 สำหรับธุรกิจโทรศัพท์ บริษัทได้ทำการปรับราคาแพ็คเก็จเพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นเดือนพ.ค. หรือช่วงต้นเดือนมิ.ย. ราว 10-15% ยกตัวอย่างเช่น แพ็คเก็จเดิมเน็ตไม่จำกัด 200 บาท ได้ถูกแทนที่ด้วยแพ็กเก็จใหม่ 250 บาท โดยนำเอา “เน็ตไม่จำกัดการใช้งาน” ออก และให้ “ส่วนลด 10%” ซึ่งนั่นหมายถึง ผลกระทบสุทธิต่อราคาคือปรับเพิ่มขึ้น 15% สำหรับมูลค่าเพิ่มที่มากขึ้น ให้สังเกตว่า TRUE ได้ยกเลิก “เน็ตไม่จำกัด” และ “การโทรฟรี” ตั้งแต่ไตรมาส 1/66 เป็นต้นมา สำหรับธุรกิจเน็ตบ้านส่วนลด 50% ได้ถูกยกเลิกจากแพ็คเก็จในช่วงสิ้นเดือนพ.ค. หรือต้นเดือนมิ.ย. (จาก 299 บาทไปเป็น 599 บาท)
ดังนั้น เราคาดว่าจะเห็นผลกระทบเต็มทั้งไตรมาสของการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจเน็ตบ้าน ตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เราคาดรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ TRUE ในไตรมาส 2/66 ที่ 201 บาท/ราย/เดือน (ลดลง 1% QoQ) ซึ่งถือว่าปรับตัวดีขึ้นถ้าเทียบกับที่ลดลง 1.8% QoQ ใ ไตรมาส 1/66 และรายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนในไตรมาส 2/56 ของธุรกิจเน็ตบ้านที่ 453 บาท/ราย/เดือน (เพิ่มขึ้น 0.5% QoQ) ซึ่งถือว่าดีกว่าที่ปรับลดลง 1.3% QoQ ในไตรมาส 1/66 จำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหม่สุทธิในไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มลดลง QoQ เนื่องจากฐานที่สูงมากในไตรมาส 1/66 จากยอดจำนวนนักท่องเที่ยว เราคาดรายได้บริการรวม (ที่ ไม่รวมไอซี) ไตรมาส 2/66 ที่ 3.94 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% QoQ (แต่ลดลง 1.7% YoY) หนุนจากธุรกิจโทรศัพท์มือถือและธุรกิจเน็ตบ้าน
ผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการในแง่รายได้ที่เริ่มรับรู้ไปแล้ว
เราเริ่มเห็นรายได้ที่เกิดขึ้นจากผลประโยชน์ร่วมที่เกิดจากการควบรวมกิจการในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ และธุรกิจออนไลน์ในรูปของการต่อยอดการขายไปย้งการขายข้ามผลิตภัณฑ์ และการขายผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพงขึ้น โดยการให้ส่วนลดสําหรับผลิตภัณฑ์และบริการของ TRUE ผ่านการโรมมิ่งเครือข่ายของ DTAC และ TRUE ซึ่งเริ่มมาแล้วตั้งแต่เดือนก.พ. ในแง่ของผลประโยชน์ร่วมของต้นทุนที่ลดลงจากค่าไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ค่าใช้จ่ายสำหรับพื้นที่สำนักงาน และค่าใช้จ่ายด้านไอทีสามารถเห็นได้ทันทีหรือเห็นได้ในระยะกลาง ในขณะที่ต้นทุนก้อนใหญ่จากการรวมเครือข่ายและการเพิ่มประสิทธิภาพ
เครือข่ายน่าจะต้องใช้เวลานานถึงสามปีถึงจะเริ่มเห็นผลประโยชน์ทางบวก ดังนั้น ต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลงน่าจะเห็นได้อย่างเร็วที่สุดในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องหลังจากการควบรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากการควบรวมกิจการและคาดว่าใช้ระยะเวลา 2-3 ปีกว่าจะเสร็จสิ้น ในขณะที่งบลงทุนทั้งหมดคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงในระยะยาว จากการขยายคาปาซิตี้เพิ่มขึ้น และการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ สำหรับแบรนด์ที่แยกออกมาสองแบรนด์จะยังคงเกิดขึ้นในช่วงสามปีแรก หลังจากนั้นจะนำมาประเมินใหม่อีกครั้งว่าจะยังคงแยกแบรนด์หรือไม่
ส่องกล้องไตรมาส 2/66-ขาดทุนหลักมีแนวโน้มลดลง QoQ
เราคาดขาดทุนสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 356 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 28% QoQ แต่พลิกกลับจากกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ทำการปรับปรุงใหม่ซึ่งอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ เราคาดขาดทุนหลัก ในไตรมาสนี้ที่ 1 พันล้านบาท ขาดทุนลดลง 46% QoQ แต่เทียบกับกำไรหลักในไตรมาส 2/65 ที่ทำการปรับปรุงใหม่ที่ 470 ล้านบาทขาดทุนหลักที่ลดลง QoQ เป็นผลมาจากรายได้บริการที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานทั่วไป และหนี้เสีย) ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับโครงข่าย (ค่าไฟฟ้า) ที่ทยอยปรับตัวลดลง และเนื่องจากขาดทุนหลักสำหรับในครึ่งแรกของ ปี 2566 ที่มากกว่าที่เราคาดก่อนหน้า เราจึงทำการปรับประมาณการขาดทุนหลักสำหรับทั้งปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 68% (ไปเป็น 2.78 พันล้านบาท) และปรับลดราคาเป้าหมายซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF ลงอีก 6% (เหลือ 9.80 บาท)