ตลาดหุ้นวานน้ี:

SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบ High เดิม บริเวณ 1,645+- จดุ อีกครั้ง แต่เผชิญแรงขายระยะสั้น และอ่อนตัวลงมาปิดลบ 4.27 จุด ณ สิ้นวัน โดยมี DELTA และ MAKRO ซึ่งกระทบ SET Index +11 จุด คอยประคองสถาบันในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติพลิกมากขายสุทธิ 1.8 พันลบ. และ 890 ลบ.ตามลำดับ (แต่ต่างชาติยัง Long Index Future อีก 1.1 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

เรายังให้น้ำหนัก SET Index ในการแกว่งพักตัวระยะสั้น หลังจากปรับตัวขึ้นทดสอบ High เดิมบริเวณ 1,645+-จุด ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถยืนปิดเหนือระดับดังกล่าวสิ้นวัน เนื่องจากปรับตัวขึ้นเร็วกว่า +8% ในช่วงกว่า 2 สัปดาห์ก่อนหน้า รับปัจจัยบวกจากการคลาย Lockdown รวมถึง FED ที่ส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยไปมากพอสมควร ส่วนปัจจัยใหม่ที่ต้องติดตามระยะนี้ มีเพียงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ คืนวันพรุ่งนี้ (ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 7.5 แสนตำแหน่ง ) ซึ่งกลยุทธ์หลังจากที่เราให้  “ทำกำไรระยะสั้น” บางส่วนไปแล้วบริเวณกรอบ 1,640-1,650 จุด แนะนำให้รอสะสมกลับในช่วงตลาดพักตัว โดยมีแนวรับระยะสั้นที่ 1,620 จุด ส่วนระดับหลักมองที่ 1,600+- จุด โดยยังคงเน้นสะสมกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ซึ่งระยะยาวฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ ภาพใหญ่ ได้แก่ ธนาคาร ไฟแนนซ์ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว เป็นต้น

กลยุทธ์ : ทำกำไรระยะสั้นบางส่วนเมื่อดัชนีทดสอบบริเวณ 1,640-1,650 จุด และรอสะสมกลับในช่วงพักตัว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย.: BDMS,CPALL,CRC,M,TACC

หุ้นเด่นวันนี้: ITEL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท
  • คงมุมมองบวกต่อกันคลาย Lockdown หนุนให้งานประมูลโครงการภาครัฐที่ชะลอออกมามากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดย ITEL มีโอกาสได้งานทั้งงาน USO งาน CCTV Analytic งาน Course Online เม็ดเงินรวมกว่า 3.5 พันลบ.
  • ยังคงประมาณกำไรปี 2021-2023 ที่คาด +26% CAGR และมีธุรกิจ New S-Curve หนุนทั้ง Drone และ Anti-Drone ส่วนราคาหุ้นสะท้อน Dilution ของการแปลงสภาพ Warrant ไปแล้ว
  • แนวรับ 5-5.05 บาท แนวต้าน 5.40-5.50//6 บาท

FundFlow: วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคแต่บางลงเหลือ US$620 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$556 ล้าน และ US$116 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเชียนเม็ดเงินเริ่มพลิกมาไหลออก นำโดยไทยและเวียดนาม ประเทศละ US$27-28 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุน คาดว่ายังค่อนไปในทางไหลเข้า ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐคืนพรุ่งนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) CPALL-MAKRO เรามองบวกต่อการปรับโครงสร้างธุรกิจและนำ Lotus’s มาอยู่ใต้ MAKRO ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ดีและคาดมี Synergy ระยะยาว ขณะที่ CPALL จะมีฐานะการเงินที่แข็งแรงขึ้นและปิดความเสี่ยงเรื่องเพิ่มทุน อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น MAKRO วานนี้ปรับขึ้นแรง +19% ซึ่งสะท้อนปัจจัยบวกไปค่อนข้างมาก และเต็มมูลค่าเทียบกับราคาเป้าหมายของ FSSIA ที่ 48 บาท ระยะสั้น จึงแนะนำเพียง “เก็งกำไร” ส่วน CPALL ราคาหุ้นทรงตัววานนี้หลังจากปรับขึ้นต่อเนื่องหลายวันก่อนหน้า เรามองจังหวะอ่อนตัวของราคาเป็นโอกาสในการ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 76 บาท

(+) CRC คาดผลการดำเนินงานทยอยฟื้นตัวหลังไทยเริ่มคลาย Lockdown และร้านค้าต่างๆสามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้ง และให้ติดตามสถานการณ์ในเวียดนาม หากทยอยคลาย Lockdown จะเป็น Sentiment บวกต่อเนื่อง ส่วนในยุโรปฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรของ CRC จะแตะจุดต่ำสุดใน 3Q21 ก่อนฟื้นตัวใน 4Q21 เป็นต้นไป FSSIAให้ราคาเป้าหมาย 40 บาท แนะนำ “ซื้อ” และเป็นหนึ่งในหุ้น Top 5 ประจำเดือน ก.ย.

(0) TWPC คาดกำไรปกติ 3Q21 จะอ่อนตัวลง Q-Q เพราะ Low Season จากปริมาณผลผลิตหัวมันที่ต่ำสุดของปี แต่จะกลับมาฟื้นตัวใน 4Q21 เราคาดผลผลิตหัวมันปี 2020//2021 จะเพิ่มขึ้นราว +18%Y-Y สูงสุดในรอบ 3 ปี และราคาวัตถุดิบหัวมันจะปรับลดลงใน4 Q21 ส่วนปัจจัยหนุนการเติบโตในปี 2022 มาจากปริมาณขายที่สูงขึ้นหาก COVID-19 และเรือขาดแคลนคลี่คลายได้ เชื่อว่าจะช่วยหักล้างผลลบของราคาขายแป้งมันส่งออกที่อ่อนตัวลงได้ เรายังคงประมาณการกำไรปี 2021 พลิกจากขาดทุนปีก่อน ส่วนปี 2022 คาด +5% Y-Y คงราคาเป้าหมายที่ 5.60 บาท แนะนำ “ถือ”

(+) APURE เป็นผู้นำอุตสาหกรรมข้าวโพดหวานส่งออก โดยมีสัดส่วนถึง 90% ของรายได้รวม เราเห็น 3 ปัจจัยบวกต่อกำไรปี 2021-2023 ที่คาดโตเฉลี่ย +29%CAGR โดยได้ลูกค้าใหม่ในสหรัฐฯคือ Walmart การขยายตลาดใหม่ในยุโรป และข้าวโพดฝักบรรจุถุงสุญญากาศสำหรับตลาดญี่ปุ่น และเกาหลี ขณะท่ี Margin คาดขยายตัว จาก Utilization Rate ที่สูงขึ้น เราประเมินราคาเป้าหมาย 12 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 48.20 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 35,312.53 จุด จากการปรับลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดทำ New High จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ติดตามการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในวันศุกร์นี้ ท่ามกลางนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 750,000 ตำแหน่ง ในเดือนส.ค. และอัตราการว่างานจะลดลงเป็น 5.2%

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก รวมถึงกลุ่มเดินทาง และสันทนาการ ท่ามกลางความคาดหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศแถบเอเชีย นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป

(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม มีปัจจัยบวกจากดัชนี Nasdaq ของสหรัฐ ที่ปรับขึ้นทำ New High แต่กดดันจากแรงขายทำกำไร ขณะที่ติดตามออสเตรเลียเปิดเผยดุลการค้าเดือน ก.ค.ในเช้าน้ี

(0) ค่าเงินบาทแกว่งในกรอบแคบ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.30บาท/ดอลลาร์ สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 9 เซนต์หรือ 0.1% ปิดท่ี 68.59 ดอลลาร์/บารเ์รล หลัง EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากว่านักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 4.4 ล้านบา์เรล อย่างไรก็ดี กดดันจากกลุ่มโอเปกพลัสบรรลุข้อตกลงเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วัน ในการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันวานน้ี

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 2.1 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดท่ี 1,816 ดอลลาร์/ออนซ์ ชะลอการซื้อขายก่อนเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1000.26 / +-

- Advertisement -