บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

ORIGIN PROPERTY ครบเครื่องเรื่อง S-Curve

Action

BUY

TP upside (downside) 38.1%

Close Sep 1, 2021 Price (THB) 9.70

12M Target (THB) 13.40

Previous Target (THB) 10.50

What’s new?

  • บริษัทแถลงแผนการดำเนินงานบริษัท ALPHA Industrial Solution (JV กับ JWD) ตั้งเป้าพัฒนาพื้นที่เช่ากว่า 1.0 ล้าน ตร.ม. ภายในปี 2568 พร้อมวางแผนจัดตั้งกอง REIT เพื่อ IPO ในปี 2567-68
  • ปัจจุบันมีธุรกิจใหม่ที่จะสร้าง New S-Curve ให้กับบริษัทอีกมากมายที่ยังไม่รวมในประมาณการ
  • คาดแผนการ Spin-off บริษัท ลูกต่างๆ  ในช่วงปี 2565-68 จะเป็นการปลอล็อคมูลค่าที่แท้จริงของแต่ละหน่วยธุรกิจ

Our View

  • เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับเพิ่มราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 เป็น 13.40 บาท/หุ้น ด้านการ Re-rate PER1H65 เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 9.6x เพื่อสะท้อนศักยภาพในการเติบโต และความได้เปรียบในการแข่งขันจากการเข้าลงทุนในธุรกิจให
  • ม่แนวโน้มผลประกอบการจากธุรกิจหลักในช่วง 2H64 ยังแข็งแกร่งจากการมี Backlog รอโอนที่ระดับ 9.4 พันลบ. คาดเป็นประเด็นสำคัญช่วยลดความเสี่ยงของประมาณการ

แถลงแผนธุรกิจ ALPHA (ORIxJWD) S-Curve ตัวแรก ต้ังเป้า IPO กอง REIT ในปี 2567-68

ในวันที่ 30 ส.ค. 2564 ท่ีผ่านมาบริษัทฯ และ JWD แถลงแผนการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน “ALPHA Industrial Solution” (สัดส่วนการถือหุ้นท่ี 50:50) ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมพร้อมบริการครบวงจร โดยตั้งเป้าหมายลงทุนและพัฒนาพื้นท่ีโรงงานและคลังสินค้าเพื่อเช่า ภายใต้การบริหารกว่า 1.0 ล้านตร.ม.ภายในปี 2568 ปัจจุบันบริษัทได้มีการเข้าลงทุนและเริ่มการก่อสร้างโครงการแรกไปแล้วในช่วง 2Q64 ได้แก่ โครงการ ALPHA บางนา กม. 22 ประกอบด้วยคลังสินค้าที่สร้างขึ้นตามความต้องการเฉพาะ (Built-to-Suit) และโครงการห้องเย็นสำเร็จรูป (Cold Storage) มีพื่นที่เช่ารวม 2.0 หมื่น ตร.ม. คาดเริ่มรับรู้ รายได้ตั้งแต่ช่วง 2H65 เป็นต้นไป

สำหรับโครงการใน Pipeline ที่ปัจจุบันมี Secured land bank แล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 4 โครงการ ได้แก่ 1) ทำเลบางนา-บางพลี มีพื้นที่เช่ารวม 7.5 หมื่นตร.ม. คาดเริ่มก่อสร้างในช่วง 4Q64 2) ทำเลวังน้อย จังหวัดอยุธยา มีพื้น ที่เช่ารวม 6.0 หมื่นตร.ม. คาดเร่ิมก่อสร้างในช่วง 4Q64 3) ทำเลพระราม 2 มีพื้นท่ีเช่ารวมราว 3.0 หมื่นตร.ม. คาดเร่ิมก่อสร้างในช่วง 1Q65 และ 4) ทำเลพุทธมณฑลมีพื้นที่เช่ารวมราว 3.0 หมื่นตร.ม. คาดเริ่มก่อสร้างในช่วง 1Q65 ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจ ALPHA ในปี 2565-68 ที่ 155 ลบ., 540 ลบ., 840 ลบ. และ 1.1 พันลบ. ตามลำดับ นอกเหนือจากการเข้าลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมจะเป็นการสร้าง Recurring Income ในระยะยาวแล้ว บริษัทยังมีแผนการจัดตั้งกอง REIT ภายในระยะเวลา 1-2 ปี โดยตั้งเป้า REIT Value ไว้ที่ 1.2 หมื่นลบ. ผ่านการพัฒนาโครงการต่างๆ ภายในประเทศและการเข้าซื้อ (รวม 6.0 แสน ตร.ม.) Brown-field projects ในต่างประเทศ (รวม 4.0 แสน ตร.ม.) ภายในปี 2568

S-Curve ที่ยังไม่รวมในประมาณการยังมีอีกมาก…

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเข้าลงทุนในอีกหลากหลายธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการทางด้านสุขภาพ และเสริมความงาม (Origin Healthcare) อาทิ ธุรกิจโรงพยาบาลกายภาพบำบัด และสหคลินิกเวชกรรม และ Healthcare Club 2) ธุรกิจบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) 3) ธุรกิจด้านพลังงานทดแทน/พลังงานสะอาดในโครงการที่อยู่อาศัย และ 4) ธุรกิจการเงิน เช่น การรับขายฝากท่ีดิน และInsurance Broker ซึ่งล้วนเป็นการสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์และการให้บริการ เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายอื่นในกลุ่ม

แผนการ Spin-off บริษัทลูกเป็นอีกหน่ึง Upside Risk สำคัญสำหรับการปลดล็อคมูลค่าที่แท้จริง

แม้เรายังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของโครงสร้างรายได้และแผนการดำเนินงานในธุรกิจท่ีกล่าวข้างต้น จึงยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการและราคาเหมาะสม แต่ Upside Risk สำคัญในระยะสั้น-กลาง คือแผนการ Spin-off บริษัทย่อยต่างๆ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อาทิ บริษัท บริทาเนีย (BRI) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ, บริษัทวันออริจิ้น จำกัด (ธุรกิจโรงแรม และอสังหาฯเชิงพาณิชย์) รวมถึง ธุรกิจ Healthcare, พลังงานทดแทนและ AMC ซึ่งปัจจุบันซื้อขายบน PER ที่ระดับ 15-30x มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ราว 7.5x ORI จึงควรซื้อขายบน PER1H65 ที่เป็น Premium กว่ากลุ่ม

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 เป็น 13.40 บาท/หุ้น

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับเพิ่มราคาเหมาะสม ณ สิ้น 1H65 เป็น 13.40 บาท/หุ้น (อิง PER1H65 ที่ 9.6x เทียบเท่า +0.5SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของบริษัท) ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PER1H65 ที่เพียง 7.0x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 7.5x อย่างมีนัยสำคัญ แต่เรามองว่า ORI ควรซื้อขายบน PER ที่เป็น Premium จากกลุ่มจากแนวโน้มการเติบโต และ Synergy ของธุรกิจใหม่ท่ีจะเกิดขึ้น ตั้งแต่ช่วงปลาย 2H64 เป็นต้นไป ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการจากธุรกิจหลักในช่วง 2H64 ยังแข็งแกร่ง จากมี Backlog รอโอนที่ระดับ 9.4 พันลบ. คาดเป็นประเด็นสำคัญช่วยลดความเสี่ยงของประมาณการ

- Advertisement -