บล.บัวหลวง: 

Bank – มองเห็นอัพไซด์ต่อกำไรในกลุ่มธนาคารใหญ่ (OVERWEIGHT)

เราลองวิเคราะห์ว่าธนาคารใดมีการเติบโตของกำไรแข็งแกร่งมากที่สุด โดยดาวน์ไชด์ต่อประมาณการกำไรปี 2566 ของหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราให้คําแนะนําอยู่ที่ 3-6% แต่ธนาคารใหญ่ อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรมากกว่าที่ 7-8% เราชอบ BBL, KBANK และ SCB มากที่สุดในกลุ่ม

ธนาคารใหญ่มีอัพไซด์ต่อกําไรมากกว่าธนาคารเล็ก

ตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะผันผวนในไตรมาส 3/66 ดังนั้นเราจึงทําการวิเคราะห์ความอ่อนไหว ในด้าน Bull-case และ Bear-case ของกำไรสุทธิกลุ่มธนาคารที่เราให้คําแนะนำในปี 2566 อัตราการตั้งสำรองและกำไร จากเครื่องมือทางการเงินจะมีผลกระทบอย่างมากต่อประมาณการกำไรในปี 2566 โดยในกรณี Bull-Case อัตราการตั้งสํารองเฉลี่ยปี 2566 จะต่ำกว่าประมาณการของเรา 10bps และกำไรจากเครื่องมือทางการเงินจะสูงกว่าที่เราคาดไว้ 23%  ดังนั้นกำไรสุทธิรวมจะสูงกว่าสมมติฐานกรณีฐานของเราที่ 7% แต่ในกรณี Bear case อัตราการตั้งสำรองเฉลี่ยจะสูงกว่าประมาณการของเรา 8bps ดังนั้นกำไรในปี 2566 จะต่ำกว่าสมมติฐานกําไรพื้นฐานของเรา 4% ประมาณการของเราคาดกรอบการเคลื่อนไหวของกำไรสุทธิ ในปี 2566 เฉลี่ยอยู่ที่ 11% (ในกรณี Bull และ Bear Case) เรียงตามลำดับ ต่อไปนี้–BBL, SCB, KTB, KKP, KBANK, TTB และ TISCO

ธนาคารขนาดใหญ่มีแนวโน้มเกิดกรณี Bull-Case มากกว่า Bear-Case

ธนาคารขนาดใหญ่มีกรอบความเคลื่อนไหวของกำไรสุทธิปี 2566 มากกว่า ระหว่างกรณี Bear และ Bull-Case  โดย BBL มีกรอบความเคลื่อนไหวของกําไรมากที่สุด (ช่วง 13%) รองลงมาคือ SCB (13%) KTB (10%) และ KBANK (9%) กำไรของธนาคารขนาดใหญ่มีแนวโน้มที่จะแกว่ง เนื่องจากมีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับขนาดของกำไร (หรือขาดทุน) จากเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งโดยทั่วไปจะมีสัดส่วนของกำไรมากกว่าในกรณีของธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง เรามองว่าธนาคารใหญ่จะมีโอกาสเกิด Bull-Case ของกําไรสุทธิปี 2566 มากกว่ากรณี Bear-Case เนื่องจากเรากําหนดสมมติฐานของอัตราการตั้งสํารองและกําไรจากเครื่องมือทางการเงิน ในปี 2566 แบบระมัดระวังไว้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีโอกาสเกิดอัพไซต์ต่อประมาณการกำไรทั้ง 4 ธนาคารใหญ่ของเรา ราว 7-8%

อัพไซด์หรือดาวน์ไซด์ในกลุ่มธนาคารเล็กมีไม่มากนัก

กําไรในปี 2566 ของธนาคารขนาดเล็กถึงขนาดกลางอาจมีอัพไซด์และดาวน์ไซด์น้อยกว่าธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากกําไร/ขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินมีสัดส่วนที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ เราคาดว่าประมาณการกำาไรปี 2566 สําหรับธนาคารขนาดเล็กถึงขนาดกลางอาจแกว่งตัวในช่วง 4-10% KKP มีช่วงการแกว่งตัวที่กว้างที่สุด (10%) ระหว่างกรณี Bear และ Bull-Case รองลงมาคือ TTB (9%) และ TISCO (4%) เราไม่เห็นขอบเขตอัพไซต์ (หรือความเสี่ยงของ downside) มากนักต่อประมาณการกำาไรสุทธิปี 2566 สําหรับ KKP, TISCO หรือ TTB

- Advertisement -