MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,496.96 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด (10,00%) มูลค่าซื้อขาย 34,188.57 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นต่อตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียได้ โดยที่มีแรงหนุนจากหุ้น DELTA หลังปลด Cash Balance

Research Highlight: ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ-ลุ้น SET ยืนเหนือ 1500 มั่นคง

ตลาดให้นํ้าหนักกับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในสัปดาห์นี้

  • คืนนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ CPI มี.ย. คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.1%YoY ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 4.0% ในเดือนพ.ค. หากออกมาตามคาด จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนซึ่งรวมถึงนางแมรี่ ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนางลอเรตตาเมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ต่างก็ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟลใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่พรุ่งนี้จะเป็นตัวเลข PPI (Cans: 0.2% MoM, Prev. 0.39% MoM)
  • ด้านความเห็นของตลาดจาก Fed watch tool รายงานว่านักลงทุนให้น้ำหนักสูงกว่า 90% ที่เฟดจะขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยในการประชุม 26 ก.ค. นี้ สู่ระดับ 5.25-5.50% ก่อนที่จะคงไว้ระดับดังกล่าวตลอดทั้งปี ขณะที่ Dot plot รอบล่าสุด ประเมินว่าเฟอดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 2 ครั้ง มี terminal rate 5.6%
  • กลยุทธ์การลงทุน US band yield อายุ 10 ปรับตัวลง พร้อมกันกับ Dollar index ที่อ่อนค่าต่อเนื่องเข้าใกล้ ระดับ 101.5 จุด เป็น sentiment เชิงบวกต่อการลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่ม Growth stock และกลุ่ม เทคโนโลยี ขณะที่ S&P banking index ดีดตัวขึ้นกว่า 15% ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งเกินคาดในสัปดาห์นี้ หนุนการลงทุนในกลุ่มธนาคารทั่วภูมิภาค

กลุ่ม Commodity play น่าสนใจ

  • ราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง
    • ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านส่งสัญญาณเข้าใกล้ยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
    • รับปัจจัยบวกจาก IEA คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจากจีนและประเทศกำลังพัฒนา ประกอบกับการที่กลุ่ม โอเปกพลัสปรับลดการผลิตน้ำมันนั้น อาจจะทำให้ตลาดน้ำมันโลกเผชิญภาวะอุปทานตึงตัวในช่วงครึ่งหลัง ของปีนี
    • ซาอุฯ ประกาศขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไป จนถึงสิ้นเดือนส.ค. ขณะที่รัสเซียจะปรับลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน ส.ค. โดย ทั้ง 2 ประเทศเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในกลุ่ม OPEC
    • สื่อของรัฐบาลจีนรายงานว่า จีนมีแนวโน้มที่จะประกาศนโยบายสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นทางธุรกิจทั้งในภาคเอกชนและภาครัฐ
    • คืนนี้มีรายงานสต็อกน้ำมันดิบจาก EIA คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ก.ค. ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ หากออกมาน้อยกว่าคาดจะเป็นแรงหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัว ขึ้นต่อทะลุ 75$
    • ในเชิงกลยุทธ์เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน-น้ำมันและปิโตรฯ เราชอบ PTTEP PTTGC BCP SPRC
  • Natural gas
    • ราคาก๊าซปรับตัวขึ้นเด่น +2.3% หากมองภาพรายเดือนปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 21.2%
    • ได้แรงหนุนจากอุปทานที่ตึงตัว และปรากฏการณ์คลื่นความร้อน (Heat wave) ในสหรัฐ
    • ในเชิงกลยุทธ์เป็นบวกต่อ BGRIM GPSC

หมดอายุมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล วันที่ 20 ก.ค. นี้

  • ครม. ตัดสินใจไม่ต่ออายุมาตรการภาษีอุ้มน้ำมันดีเซล ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 20 ก.ค. นี้ หลังใช้มาตรการนี้เพื่อ ช่วยลดผลกระทบจากสถานการณ์การปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน โดยปรับอัตราภาษีน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตร ตั้งแต่ ก.พ. 2565 เป็นต้นมา
  • ทั้งนี้สัปดาห์หน้าจะมีการหารือกันของคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อสรุปหาแนวทางการดูแลและรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันต่อ คาดว่าจะใช้มาตรการของกองทุนน้ำมันฯ เพื่อตรึงราคาให้ใกล้เคียงเติมไว้ให้ได้มากที่สุด
  • ในเชิงกลยุทธ์หากไม่มีการต่ออายุมาตรการอุ้มภาษีน้ำมันดีเซลไว้ได้ จะกระทบต่อต้นทุนค่าขนส่งที่จะสูงขึ้น เป็น sentiment เชิงลบอ่อนๆ ต่อกลุ่ม domestic play

สัปดาห์นี้ติดตาม

  • 12 ก.ค. : อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ (CPI และ Core CPI) (มิ.ย.)
  • 13 ก.ค. : ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐ (มิ.ย.)
  • 14 ก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ

Investment Strategy

  • ประเมิน SET ปรับตัว Sideway up ตอบรับ sentiment เชิงบวกที่เฟดใกล้ยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย รอผลการ เลือกนายกฯ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ระยะสั้นเน้นยืนแนวรับ แนวต้าน 1500/1515 แนวรับ 1490/1480
  • เชิงกลยุทธ์แนะนำ หุ้นกลุ่ม Blue Chip ที่ %YTD ติดลบ (Laggard) และมี Beta น้อยกว่า 1 ได้แก่ BBL BDMS ADVANC LH เพื่อรองรับความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมืองและแนวโน้ม ศก. ที่ถดถอยทั่วโลก

Global Markets

(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปี พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดโดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกต่อตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมทั้งความหวังทีว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าธน่าคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ขณะที่จีนขยายมาตรการด้านนโยบายเพื่อช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวย่ำแย่

(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดพุ่ง ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะฟื้นตัว นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดนํ้ามัน

(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวก เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคํา ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

หุ้นเคาะไป คุยไป…SCGP

  • ราคาปรับตัวลงมากว่า -38.6%YTD และเข้าใกล้ราคาจอง IPO ที่ 35 บาท สะท้อนภาพปัจจับลบไปมากแล้ว  รวมถึงความกังวลจากปัญหา oversupply และการฟื้นตัวของอุปสงค์ในระดับภูมิภาคที่อาจจะช้าจากปัญหาเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เรามองว่าธุรกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว รายได้และกำไรมีโอกาสฟื้นตัวในรายไตรมาส ตามลำดับ ในตลอดปี 2566 หนุนโดยต้นทุนการผลิตที่ทยอยปรับลดลง คงแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับลดราคาเป้าหมายปี 66 ลงเหลือ 57.50 บาท จาก 68.75 บาท อิง DCF การปรับลดสะท้อนถึงต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ และอาจจะมีผลกระทบต่อทั้งปีนานกว่าคาด แต่ทั้งนี้ SCGP มีแผนทำ M&P 1-2 กิจการต่อปี เป็นปัจจัยสนับสนุนต่อผลประกอบการของ SCGP ในระยะกลางและยาว
  • เราประเมินกำไรสุทธิปี 66 เท่ากับ 6,550 ล้านบาท ขยายตัว 6.9%YoY โดยเราปรับลดประมาณการลง -12.2% จากการคาดการณ์เดิมที่ 7,468 ล้านบาท เนื่องจาก 1) เรามองว่ารายได้ 1Q66 น้อยกว่าคาด และ 2) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มมากกว่าคาด จากระดับเฉลี่ย 6.0% ต่อ EBITDA ในช่วงปี 2564-2565 สู่ระดับ 11% ดังนั้น แม้ธุรกิจ SCGP จะดูเหมือนเริ่มฟื้นตัว แต่ยังคงมีหลายปัจจัยกดดันอยู่ ทั้งฝั่งของอุปสงค์สินค้าและต้นทุนต่างๆ เรามองว่าภาคการบริโภคในภูมิภาคอาเซียนยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
  • ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 คาดว่าจะขยายตัว QoQ ตามต้นทุนพลังงานผ่านราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง และต้นทุนค่าขนส่งที่ลดลง แต่หดตัว YoY ตาม demand จีน ที่ชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า
- Advertisement -