ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ปรับตัวบวกได้แข็งแรงต่อเนื่องอีก 13.27 จุด และทะลุระดับ High ของรอบก่อนที่ 1,643 จุด โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อในหุ้น DELTA ซึ่งกระทบ SET Index +7 จุด รวมถึงกระแสเงินทุนที่ยังไหลเข้าทั้งสถาบันในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิ 810 ลบ. และ 3.3 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยัง Long Index Future อีก 4.2 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

คาด SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในระยะสั้น หลังสามารถยืนปิดทะลุ High รอบก่อนได้ ขณะที่บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกยังค่อนข้างดี โดยประเมินกรอบบนที่ระดับ 1,650-1,660 จุด ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นทดสอบ US$70 ต่อบาร์เรล จาก Dollar Index ที่อ่อนค่า และเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว คาดหนุนกลุ่มพลังงานนำตลาดวันนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องจับตาคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาตเกษตรเดือน ส.ค. ของสหรัฐฯคืนนี้ (ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 7.25 แสนตำแหน่ง) ระยะสั้นเราประเมินดัชนีจะมีความผันผวนและมี Upside จำกัดมากขึ้น กลยุทธ์หลังจากแนะนำ “ทำกำไรระยะสั้น” บางส่วนที่ 1,650 +- จุดแล้ว ให้รอสะสมกลับในช่วงตลาดพักตัว โดยมีแนวรับระยะสั้นที่ 1,620 จุด ส่วนระดับหลักมองที่ 1,600 +- จุด โดยยังคงเน้นสะสมกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ซึ่งระยะยาวฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภาพใหญ่ ได้แก่ ธนาคาร โรงกลั่น ไฟแนนซ์ ค้าปลีก อาหาร ท่องเที่ยว เป็นต้น

กลยุทธ์: สะสมหุ้นกลับในช่วงตลาดพักตัวบริเวณ 1,600-1,620 จุด หลังทำกำไรระยะสั้นบางส่วน หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : BDMS, CPALL, CRC, M, TACC

หุ้นเด่นวันนี้: SMT

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 8 บาท
  • ค่าเงินบาทเริ่มพลิกกลับมาอ่อนค่าระยะสั้นเป็น Sentiment บวก หนุนให้กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังจากที่ปรับฐานแรง 10-15% ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
  • แนวโน้มกำไร 2H21 ยังโดดเด่น และคาดทำจุดสูงสุดใน 4Q21 จากคำสั่งซื้อที่ครอบคลุมยาวทั้งปีแล้ว ขณะที่ Margin คาดทำได้ตามเป้าคาดกำไรปี 2021-2022 +175% Y-Y และ +33% Y-Y
  • แนวรับ 6.05-6.10 บาทแนวต้าน 6.50 // 6.95 บาท

Fund Flow:

วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาค แต่บางลงตามคาดเหลือ US$339 ล้าน โดยไหลเข้าเกาหลีใต้ US$402 ล้าน แต่พลิกไหลออกจากไต้หวัน US$159 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้ากระจุกตัวที่ไทยอีก US$104 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทางไหลเข้าจาก Dollar Index ที่ยังอ่อนค่า และรอติดตามคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯคืนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลุ่มเครื่องดื่ม ราชกิจจามีประกาศให้ใช้สารสกัด CBD จากกัญชง/กัญชาในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มได้สูงสุด 75 มก./ลิตร โดยห้ามใส่ CBD ในเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง ชา กาแฟ) ทำให้ SAPPE ได้ผลบวก และอยู่ระหว่างพัฒนา Functional Drink ที่มีส่วนผสมของ CBD อย่างไรก็ตาม เรามองบวกต่อเครื่องดื่มรายอื่นด้วย OSP CBG ICHI TACC OISHI MALEE TIPCO เพราะจะทำ CBD Drink เช่นเดียวกัน โดยหลายรายเริ่มทำสัญญาซื้อ CBD กับ RBF แล้วทุกคนต้องรอผลผลิตกัญชงที่กำลังจะปลูกในเดือน ก.ย. และคาดจะได้เห็นสินค้าตัวแรกอย่างเร็วปลายปี 2021 หรือต้นปี 2022 แนะนำ “ซื้อ” TACC (TP 8.50 บาท) SAPPE (TP 36 บาท) “เก็งกำไร” ICHI (TP 13 บาท) RBF (TP 21 บาท)

(0) SEAFCO-PYLON ประเมินระยะสั้นผลการดำเนินงาน 3Q21 พลิกเป็นขาดทุนจากการปิดแคมป์คนงาน แต่จะฟื้นตัวใน 4Q21 โดย PYLON ยังมี Backlog สูง และเป็นงาน Margin ดีรอรับรู้รายได้ส่วน SEAFCO เตรียมรับงานใหญเพิ่มขึ้นในปีหน้า โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้า เราปรับประมาณการและราคาเป้าหมายของ SEAFCO และ PYLON ลงเหลือ 4.70 บาททั้งคู่ แนะนำเพียง “ถือ” และมอง CK เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าและเป็น Top Pick ของกลุ่ม

(+) PTG เราคงมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางกำไรปี 2021-2023 ที่แข็งแกร่งจากปริมาณขายน้ำมันที่ยังดี และจะยิ่งฟื้นตัวหลังคลาย Lockdown ขณะที่ Margin คาดยังควบคุมในระดับที่แข็งแรงได้ภายใต้ราคาน้ำมันที่ผันผวน โดยคาดค่าการตลาดอยู่ในกรอบ 1.8-1.9 บาท/ลิตร ขณะที่ธุรกิจปาล์มไบโอดีเซลยังหนุนจากนโยบายภาครัฐ และขยายไปยังธุรกิจ Oleochemical เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20.80 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) ตลาดดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 131.29 จุดหรือ 0.37% ปิดที่ 35,443.82 จุด จากการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเป็น 340,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน และจาก 354,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า และต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 345,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานปรับลงเป็น 5.4% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 5.7% และจาก 5.9% ในเดือนมิ.ย.

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มน้ำมันตามราคาน้ำมัน รวมถึงข่าวเกี่ยวกับการควบรวมกิจการและการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป

(+) ตลาดเอเชียปรับขึ้นตามทิศทางตลาดดาวโจนส์ ขณะที่ติดตามจีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค. จากไฉซิน และออสเตรเลียรายงานยอดค้าปลีกเดือนส.ค.ในเช้านี้

(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์หรือ 2% ปิดที่ 69.99 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงต่ำกว่าคาด รวมถึง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 4.5 ดอลลาร์หรือ 0.25% ปิดที่ 1,811.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ชะลอการซื้อขายก่อนเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 998.52 / -1.74

- Advertisement -