บล.บัวหลวง:
Jasmine Broadband Internet Infrastructure Fund (JASIF TB/JASIFU.BK)
JASIF – อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลยังคงสูงแม้ยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า
แม้ว่าเงื่อนไขหลักของ TTTBB ในการยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าจะนำไปสู่การลดลงของรายได้ค่าเช่าระยะยาว กำไรและเงินปันผลสำหรับ JASIF และผู้ถือหน่วย แต่เรามองว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ถูกปรับใหม่ยังคงน่าสนใจที่ 8-10% ในช่วงปี 2567-81 เรายังคงคำแนะนำถือ JASIF
TTTBB เสนอให้ยกเลิกสัญญาประกันรายได้การเช่า
เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา JAS ได้แจ้งต่อ BBLAM ซึ่งเป็นบริษัทจัดการของ JASIF ว่า TTTBB (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS และผู้เช่าทรัพย์สินจาก JASIF) สามารถชำระเฉพาะค่าเช่ารายเดือนของสัญญาเช่าหลักเท่านั้น (หรือคิดเป็นมูลค่า 654 ล้านบาท/เดือน) แต่ไม่สามารถชำระค่าเช่ารายเดือนของสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า (หรือคิดเป็นมูลค่า 289 ล้านบาท/เดือน) เนื่องจากประสบปัญหาสภาพคล่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ การระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 และการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในธุรกิจบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต
ทั้งนี้ บริษัทจะหยุดชำระค่าเช่าภายใต้สัญญาประกันรายได้ค่าเช่าตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2566 และเสนอเงื่อนไข 3 ข้อที่จะต้องขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือ หน่วยลงทุนของ JASIF ในอีก 45 วันข้างหน้าให้พิจารณาเงื่อนไขดังต่อไปนี้ (1) การยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าและสัญญาให้บริการจัดการผู้เช่าทรัพย์สิน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ผู้ถือหน่วยมีมติอนุมัติ (2) การแก้ไขสัญญาเช่า หลักโดย (2.1) การขยายอายุสัญญาเช่าหลักจากเดิมสิ้นสุด 29 ม.ค. 2575 ไปเป็นวันที่ 31 ธ.ค. 2581 (หรือขยายออกไปอีก 6 ปี และ 11 เดือน) และ (2.2) อัตราค่าเช่าใหม่สำหรับสัญญาเช่าหลักจะอยู่ที่ 402.37 บาท/คอร์ กม./ เดือนตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. 2575 (ซึ่งจะปรับไปตามอัตราเงินเฟ้อหลังจาก ปี 2575) และ (3) การพิจารณาผ่อนผันการผิดนัดชำระค่าเช่า ดอกเบี้ยค้างชำระ หรือค่าชดเชยความเสียหายของ TTTBB ภายใต้สัญญาประกันรายได้ค่าเช่าตั้งแต่เดือนก.ค. 2566 โดยค่าเช่าที่ค้างชำระ TTTBB จะแบ่งชำระเป็น 6 งวดๆ ละเท่าๆ กัน โดยจะเริ่มชำระในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย. 2567
ปรับลดรายได้ค่าเช่า กําไร เงินปันผล และมูลค่า DCF ของ JASIF ลงจากเดิม
เราคาดว่าเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อข้างต้นน่าจะได้รับคะแนนเสียงโหวตผ่านในการประชุมผู้ถือหน่วย JASIF ในครั้งหน้าที่จะมาถึง ซึ่งจะต้องใช้คะแนนเสียงอย่างน้อย 75% ของจํานวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหน่วย (ที่ไม่นับรวม JAS) ที่มาเข้าร่วมประชุม ข่าวข้างต้นส่งผลกระทบทางลบต่อ JASIF เนื่องจากเงื่อนไขเหล่านี้จะส่งผลให้รายได้ค่าเช่า กำไรสุทธิ เงินปันผล และมูลค่า DCF ของ JASIF ปรับลดลงในระยะยาว สมมติฐานก่อนหน้าของเรา ได้แก่ (1) สัญญาเช่าหลักจะสิ้นสุดในเดือนธ.ค. 2584 (ซึ่งนานกว่าเงื่อนไขข้างต้นคิดเป็น ระยะเวลา 3 ปี) (2) สมมติฐานอัตราค่าเช่าในปี 2575 ของเราอยู่ที่ 347.8 บาท/คอร์ กม./ เดือน ภายใต้สัญญาเช่าหลัก ซึ่งถือว่าต่ำกว่าอัตราค่าเช่าใหม่ ข้างต้นซึ่งอยู่ที่ 402.37 บาท/คอร์ กม./เดือน และ (3) สมมติฐานเดิมของเรา สําหรับสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าที่จะได้รับการต่ออายุทุกๆ 3 ปีจนถึงเดือนธ.ค. 2584 ซึ่งถือว่าขัดกับเงื่อนไขที่เสนอมาข้างต้นของ TTTBB ที่ต้องการจะยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า ณ ปัจจุบันเราได้ทำการคํานวณเงื่อนไขที่ 1 และเงื่อนไขที่ 2 เข้าไปในประมาณการของเรา และคาดว่าการยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่าจะเริ่มมีผลตั้งแต่ไตรมาส 4/66 เป็นต้นไป (ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ค่าเช่าหายไป 3.3 พันล้านบาท/ปี ในช่วง ปี 2567-68 หรือ 2.5 พันล้านบาท/ปี ในช่วงปี 2569-75 และ 500 ล้านบาท/ปี ในช่วงปี 2576-81) ดังนั้น ประมาณการกำไรสุทธิและเงินปันผลต่อหน่วยของเราปรับลดลง 35% ในช่วงปี 2567-68, 26-29% ในช่วงปี 2569-75 และ 8% ในช่วงปี 2576-81 เงินปันผลต่อหน่วยต่อปีมีแนวโน้มลดลงเหลือ 0.59-0.7 บาท/หน่วย ในช่วงปี 2567-81 และมูลค่า DCF ของเราปรับลดลงอีก 28% (เหลือ 6 บาท) แต่ถึงแม้ว่าเงินปันผลต่อหน่วยได้ถูกปรับลดลงแต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลก็ยังคงถือว่าอยู่ในระดับสูงและน่าสนใจที่ 8%-10% ในช่วงปี 2567-81