แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ / 1,515-1,530

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • ทางฝ่ายคาดดัชนี SET เปิดบวก: โดยมองวันนี้ดัชนี SET จะได้แรงบวกจากการเมืองในประเทศ โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกฯ จากพรรคก้าวไกล รวมทั้ง 8 พรรคร่วมรัฐบาลได้ยอมรับว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสถอยให้เกิดการโหวตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย เพื่อให้การโหวตในรอบ 2 วันที่ 19 ก.ค. นี้สามารถผ่านไปได้ โดยพรรคร่วมมีความกังวลว่าหากการโหวตรอบ 2 ไม่ผ่าน อาจทำให้ สว.ร่วมกับฝ่ายเสียงข้างน้อยเสนอชื่อ Candidate แข่งขัน และมีโอกาสที่จะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ ทำให้ภาพการเมืองในประเทศที่เคย Overhang มีทางออกมากขึ้น ทางฝ่ายมองแรงหนุนนำดัชนีด้วยหุ้นกลุ่มนายทุนใหญ่, กลุ่มผูกขาด จากนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ประนีประนอมกว่า ขณะที่กลุ่มแบงค์จะทยอยเผยงบงวด 2Q66 ซึ่งมองเป็น Big cap. อีก Sector ที่เป็นแรงหนุนต่อดัชนี โดยคาดว่าภาพรวมจะออกมาในเชิงบวก จากสินเชื่อที่ยังเติบโตตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่แรงหนุนจากฝั่งสหรัฐยังเข้ามาสนับสนุน จากผลประกอบการบริษัท นำโดย Citi, JP Morgan ที่ดีกว่าตลาดคาดการณ์ ขณะที่จีนวันนี้จะเผย GDP 2Q66 ซึ่งอาจต่ำกว่าคาด และตลาดจะตอบรับเชิงบวกจากความหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการจีน ด้านปัจจัยกดดันพอมีบ้าง โดยคาดกลุ่มพลังงานจะถูกกดดันจากราคาน้ำมัน WTI ที่ลดลงต่ำกว่าระดับ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง หลัง Baker Hughes รายงานแก่นขุดเจาะน้ำมันรวมเพิ่มขึ้น 9 แท่น กอปรกับแรงขายทำกำไรหลังราคาขึ้นมาก่อนหน้านี้
  • กลยุทธ์การลงทุน: 1) คาดงบดี : BAY, BANPU, BBL, BEM, BTS, KTB, TTB 2) โรงไฟฟ้า+พลังงาน : EA, GPSC, PTTEP, TOP, IRPC 3) อสังหาฯ: SC, SIRI, SPALI 4) กลุ่มสื่อสาร: ADVANC, INTUCH, TRUE 5) Spending+จีน: CRC, CPALL, PTTGC 6) หุ้นรับประโยชน์จาก El Niño : UVAN, NER, WHAUP

ปัจจัยบวก

  • จนท.อาวุโส PBOC จีนระบุว่า จีนเตรียมกระตุ้น ศก.ด้วยนโยบายการเงิน ทั้งการลดอัตรากันสํารอง RRR ลงจาก ระดับเฉลี่ยที่ 7.6% และมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยโครงการเงินกู้ระยะกลาง MLF ลงจากปัจจุบันที่ 2.65%
  • ผู้ว่า PBOC คาด CPI จีนมีโอกาสฟื้นตัวใกล้ระดับ 1% ในช่วงสิ้นปีนี้ และมองจีนจะไปเกิดสภาวะเงินฝืดในช่วง ครึ่งหลังของปี
  • สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งชาติจีน CAÀM เผยยอดส่งออกรถยนต์ 1H66 มากถึง 2.14 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 75.7%y-y โดยรถยนต์ส่วนบุคคลส่งออกแตะ 1.78 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 88.4%y-y

ปัจจัยลบ

  • การเมืองไทยยังอยู่ในสภาวะไม่แน่นอนสูง โดย นพ.ชลน่าน จาก พท. ห่วงการโหวตเลือกนายกฯ รอบ 2 ว่าอาจเกิดการโหวตสวนและจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย อย่างไรก็ตาม พท.จะยังโหวตคุณพิธาในรอบถัดไป
  • IMF มอง ศก.จีนที่กําลังชะลอตัวจากการลงทุนภาคเอกชนลดลง, การส่งออกชะลอตัว และอุปสงค์ในประเทศลดลง ทําให้อาจทบทวนคาดการณ์ลดคาด ศก.จีน

PICKS OF THE DAY

  • CPALL BUY 
  • เป้าหมาย 64.75/66.00 แนวรับ 61.00/62.00
  • ดัชนีความเชื่อมั่นหนุน: ทางฝ่ายคาดรายได้ยังคงโตต่อเนื่องจากท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวจากนักท่องเที่ยวสะสม (1ม.ค.-9 ก.ค.66) 13.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น465% y-y ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของประเทศไทยอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 40 เดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค.63 เป็นต้น หนุน Traffic คนกลับเข้าร้าน 7-11 มากขึ้นเฉลี่ยทั้งปี65 อยู่ที่916คน/สาขา/วัน ใกล้กับช่วง Pre-Covid เฉลี่ยที่1,187คน/สาขา/วัน
  • สาขาร้านเทรนด์ใหม่: สาขาใหม่มีพื้นที่เยอะขึ้น ในปี66 ตั้งเป้า 700 สาขาและขยายสาขาเพิ่มในกัมพูชา 100 สาขา พร้อมเปิดสาขาแรกในลาว ตั้งCAPEXปี66 อยู่ที่1.2-1.3 หมื่นลบ

TOP BUY

  • เป้าหมาย 48.00/50.00 แนวรับ 44.00/45.00
  • ครึ่งปีหลังฟื้นตัว: น้ำมันดิบครึ่งปีหลังเริ่มมีสัญญาณปรับตัวขึ้น ทำให้มีโอกาสได้รับผลบวกจาก stock gain และค่าการกลั่นจะเริ่มปรับตัวขึ้นในครึ่งปีหลังตามอุปสงค์การใช้น้ำมันที่ฟื้นตัวตามประเทศจีนเป็นหลัก โดยสัปดาห์นี้ค่าการกลั่น SG GRM เฉลี่ย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 4.13 $/bbl ในสัปดาห์ก่อน เป็น 5.24 $/bbl ประกอบกับส่วนต่าง PX, BZ ของธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว
  • P/BV ค่อนข้างต่ำ : ปัจจุบันราคาซื้อขายอยู่ที่เพียง PBV 0.65x หรืออยู่ใกล้เคียง -1.5SD (จากค่าเฉลี่ย 5 ปี) การจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ปี 66 คาดการณ์ Dividend Yield 4.8%
- Advertisement -