ประเมิน SET ปรับตัว Sideway แนะนำ Trading ในกรอบ 1,505-1,533
ประเด็นการลงทุน
- วันนี้เคาะ HANA ปัจจุบันซื้อขายบน PE เพียง 19.6 เท่า น่าสนใจมากกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่ม
MARKET STRATEGY
สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1528.77 จุด เพิ่มขึ้น 10.85 จุด (+0.71%) มูลค่าซื้อขาย 46,463.28 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นตอบรับความคาดหมายตั้งรัฐบาลจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ และหวังจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังตัวเลขจีดีพี คาด และดอกเบี้ยสหรัฐชาขึ้นใกล้ยุติ
Research Highlight: จับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน // คาดได้ข้อสรุปการเมืองในประเทศสัปดาห์นี้
GDP 2Q66 จีน ออกมาต่ำกว่าคาด
- จีนรายงาน GDP ไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ออกมาที่ +6.3% YoY เติบโตมากกว่าไตรมาสที่ 1 ที่ +4.5% แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 7.3%
- ก่อนนี้จีนได้ออกมาตรากระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงเล็กน้อย และนโยบายลดหย่อนภาษี สำหรับผู้ซื้อรถยนตร์ไฟฟ้า ซึ่งตลาดมองไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ เมื่อประกอบกับ GDP ไตรมาสที่ 2 ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทําให้มองว่าจีนมีโอกาสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้ CDP ในปี 2566 เติบโตตามเป้าหมาย
- แนะนำทยอยสะสมหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน คือ กลุ่มปิโตรเคมี PTTGC, IVL กลุ่ม ส่งออกจีน NER, KCE, HANA
Update การเมืองไทย
- การโหวตนายกรัฐมนตรีในรอบแรก โดยมีชื่อคุณพิชา ที่ถูกเสนอนั้น ไม่สามารถได้รับคะแนนเสียงเกินกว่าที่ กำหนดได้ที่ 376 เสียง โดยได้คะแนนเสียงไปเพียง 324 เสียง มีคะแนนเสียงจาก ส.ว. ที่โหวตให้คุณพิธามีเพียง 13 เสียง คิดเป็น 5.2% ของเสียงจาก ส.ว ทั้งหมด
- ล่าสุดพรรคก้าวไกลจะเสนอชื่อคุณพิธา เข้าโหวตเป็นครั้งที่ 2 แต่หากครั้งนี้ไม่ผ่านการโหวต มีโอกาสที่พรรคก้าวไกลไม่เสนอชื่อคุณพิรา ในครั้งที่ 3 และหลีกทางให้แก่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อคุณคุณเศรษฐา ทวีสิน เข้ารับการโหวตนายกรัฐมนตรีแทน
- อย่างไรก็ดี เรามองว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้จัดตั้งรัฐบาลและมีกรณี 2 กรณีที่คาดการณ์
1. คุณเศรษฐา ได้รับการโหวตเป็นนายกและมีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ประเมินว่า SET จะไม่ปรับตัวขึ้นมาก เนื่องจากได้ตอบรับไปมากแล้ว หลังการโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ประเมิน SET ในกรอบ 1570-1590
2. คุณเศรษฐา ได้รับการโหวตเป็นนายก แต่มีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ซึ่งจะมี downside risk ต่อตลาดในระยะสั้น ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นจากกลุ่มหุ้มทุนขนาดใหญ่ ประเมิน SET ปรับตัวขึ้น 1600-1640
คาดการณ์วันประกาศงบ 2Q66
- 19 ก.ค. TTB
- 21 ก.ค. BBL* KTB KBANK KKP SCB (*ประเมินว่าจะออกมาเด่น)
- 25 ก.ค. SCGP
- 26 ก.ค. SCC
- 27 ก.ค. DELTA ITC TRUE
- 31 ก.ค. PTTEP
สัปดาห์นี้ติดตาม
- 18 ก.ค. ดัชนียอดขายปลีกและดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) ของสหรัฐฯ MoM
- 19 ก.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยุโรป YoY, สินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐฯ
- 20 ก.ค. จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก, ดัชนีภาคการผลิต, ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ
Investment Strategy
- ประเมิน SET ปรับตัว Sideway to Sideway up แนะนำ Trading ในกรอบ 1515-1540
- หุ้นแนะนำ ได้แก่
1. หุ้นกลุ่ม Blue Chip ที่ % YTD ติดลบ (Laggard) และมี Beta น้อยกว่า 1 ได้แก่ BBL BDMS ADVANC LH เพื่อรองรับความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมืองและแนวโน้ม ศก. ที่ถดถอยทั่วโลก
2. หุ้น DCA เป็นผลที่น่าสะสม BANPU INTUCH PTT LH TISCO EGCO
3. หุ้นกลุ่ม Defensive กลุ่มโรงพยาบาล BDMS BH
4. หุ้นเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน
Global Markets
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ในวันจันทร์ (17 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน โดยตลาดได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลดลงในวันจันทร์ (17 ก.ค.) โดยหุ้นริชมอนด์น่าตลาดร่วงลง หลังเปิดเผยยอดขายที่ อ่อนแอเกินคาด นอกจากนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในจีน ได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์จากจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก
(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดร่วงลงในวันจันทร์ (17 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าเศรษฐกิจจีน ขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2/2566 ซึ่งทําให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก
(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลบในวันจันทร์ (17 ก.ค.) เนื้องจากนักลงทุนขายทำกำไร หลังจากสัญญา ทองคำพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคํา
หุ้นเคาะไป คุยไป… HANA
- ในเชิง Sentiment รับประโยชน์จากตัวเลขส่งออกรถยนต์ในเกาหลีฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หนุนกลุ่ม Semiconductor ให้ฟื้นตัว รวมถึงเป็นตัวแทนของภาพการส่งออกในเอเชียที่ดีขึ้น นอกจากนี้ แนวโน้มภาคการส่งออกของไทย คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฉพาะ HANA ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ในเชิง Sentiment รับอานิสงส์บวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับต้นปี และ US bond yield ที่คาดว่าไม่ปรับตัวขึ้นแรงกว่าแล้ว
- ด้านข้อมูลจาก Refinitiv Consensus จาก 11 โบรกเกอร์ ประเมินรายได้ของ HANA ในปี 2566 ที่ 28,023 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,038 ล้านบาท เทียบกับปี 65 ที่มีรายได้และกำไรสุทธิเท่ากับ 27,167 ล้านบาท และ 2,102 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนแนวโน้ม 2Q66 เบื้องต้นประเมินดีขึ้น QoQ ตามเงินบาทที่อ่อนค่าจากต้นปี และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเครื่องจักรนอกแผน รวมถึงกลุ่มสินค้า Auto ยังขยายตัว หนุนให้ GPM ดีขึ้น ขณะที่ยังหดตัว YoY ตามอุปสงค์การใช้ SiC ที่ลดลงหลัง Testa จะลดการใช้ SiC ทำให้มีการปรับเป้าการเติบโตที่ลดลงจากเดิมราว 10-20% และ GPM ที่หดตัวลง
- ทั้งนี้ HANA จะรายงานงบในวันที่ 11 ส.ค.
- ซึ่งในเชิง Valuation ราคาปรับตัวลงเพียง 7.77%YTD ดีกว่าตลาด และปัจจุบันซ๊อขายบน PE เพียง 19.6 เท่า น่าสนใจมากกว่าเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอย่าง KCE ที่ระดับ 22.4 เท่า และ DELTA ที่ 80.2 เท่า