บล.ฟิลลิป:
พีทีจี เอ็นเนอยี – PTG ได้รับผลจาก COVID-19 แต่คาดฟื้นตัวได้เร็ว
COVID-19 ทำให้ต้องปรับลดประมาณการลง
จาก COVID-19 ที่ระบาดระลอกใหม่ ส่งผลต่อการเดินทางให้ลดลง และทำให้ปริมาณการขายน้ำมันซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทให้หดตัวลงด้วยเช่นกัน แม้ว่าในครึ่งปีแรกปริมาณขายน้ำมันจะ +8%y-y ก็ตาม แต่หากพิจารณารายไตรมาสพบว่าเริ่มเห็นการลดลงในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และคาดว่าใน 3Q64 จะยังได้รับผลดังกล่าว ประกอบกับไตรมาส 3 เป็นฤดูฝน ซึ่งปกติปริมาณการใช้น้ำมันจะต่ำสุดของปี จากผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้บริหารปรับลดปริมาณขายน้ำมันปี 2554 ลงเหลือ +5-8% จากเดิมคาด +8-12% พร้อมลดเป้าการเปิดสถานีบริการ, กลุ่ม non-oil และงบลงทุนปี 2564 ลงด้วยเช่นกัน ทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการลงจากผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยปรับลดปริมาณขายน้ำมันเหลือ 5,207 ล้านลิตร +5% y-y แต่ปรับสมมติฐานราคาขายเพิ่มจากเดิมส่วนกลุ่ม non-oil คาดว่ายอดขายยังเติบโตได้จากการขยายสาขาก่อนหน้า และการทำการตลาดให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ส่วนการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบ.ร่วมยังคงประมาณการไว้ดังเดิม เดิมคาดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ 277 ล้านบาท เนื่องจากบ.ปาล์มคอมเพล็กซ์จะมีสินค้าแบบขวดสำหรับผู้บริโภคมาจำหน่ายในช่วง ต.ค. 64 และปรับลดกำไรสุทธิลงเหลือ 1,883 ล้านบาทลดลง 1% y-y
การนำบ.ลูกเข้าตลาดยังคงเป็นไปตามแผน
สำหรับแผนการนำบ.ลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดนั้น คาดจะมี 2 บริษัท คือบ.แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณ์ก๊าซหุงต้ม ปัจจุบัน PTG ถือหุ้นบ.ดังกล่าวอยู่ 99.99% และอีกบ.คือ บริษัท พีพีพี กรีน คอมเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์ม โดย PTG ถือหุ้นอยู่ 40% ผู้บริหารแจ้งว่า การนำบ. ทั้ง 2 เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ นั้นยังคงตามแผนเดิมที่วางไว้ โดยคาดว่าจะมีการยื่นข้อมูลกับ ก.ล.ต. สำหรับ บ.แอตลาส ภายใน 4Q64 นี้ และเข้าตลาดฯ ได้ในปี 2565 ส่วน บ.พีพีพี กรีน คาดจะยื่นข้อมูลกับ ก.ล.ต. ใน 2Q65 และคาดจะเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ปี 2565 ได้เช่นกัน
คงแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 22.60 บาท
แม้คาดว่าการดำเนินงานจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ที่เกิดขึ้น แต่มองว่าจะกระทบต่อการดำเนินงานในช่วงสั้นๆ เท่านั้น และจากการที่ภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ มากขึ้น ตั้งแต่ 1 ก.ย. เป็นต้นไป ทั้งการเปิดห้าง และการเดินทางข้ามจังหวัดได้ คาดจะเป็นปัจจัยหนุนต่อการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงการเดินทางมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ณ ราคาปัจจุบันทางฝ่ายคงแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับลดราคาพื้นฐานลงเหลือ 22.60 บาท
