ปัจจัยต่างประเทศ: กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 340,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเล็กน้อยที่ระดับ 345,000 ราย และถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดโควิดในสหรัฐ แสดงถึงตลาดแรงงานฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ (Nonfarm payroll) ที่ค่อนข้างมีความสำคัญโดยเฉพาะถ้าหากตัวเลขดังกล่าวออกมามากกว่าคาดต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามติดต่อกัน (ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 750,000 ตำแหน่ง) จะเป็นการคอนเฟริ์มภาพตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งตลาดแรงงานเป็นจุดที่ Fed กังวลมากที่สุดและใช้เป็นเหตุผลหลักในการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายสุดโต่งอยู่ในปัจจุบัน หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีและตัวเลขเงินเฟ้อสูงเกินระดับเป้าหมายแล้ว ดังนั้นถ้าตัวเลขการจ้างงานยังออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดต่อเนื่องอาจกดดันให้ Fed ทำ Tapering เร็วกว่าคาด สร้างความผันผวนต่อตลาดได้ในระยะสั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราพิจารณาดัชนี S&P500 ในปัจจุบันที่ขึ้นมามากกว่า 20% ตั้งแต่ต้นปี 2021 โดยไม่มีการปรับฐานระดับ -5% ลงไปให้เห็นเลย แสดงถึงโมเมนตัมตลาดที่แข็งแกร่งมาก อย่างไรก็ตามจากสถิติในอดีตตั้งแต่ 1927 บ่งชี้ว่าเดือนกันยายนสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบ (-1%) และมักจะเป็นเดือนที่ตลาดปรับฐาน เมื่อเราเอาสถิติมาประกอบกับสถาณการณ์ปัจจุบันที่ตลาดทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องโดยไม่มีการปรับฐานเลยตั้งแต่ต้นปี อาจทำให้ตลาดค่อนข้าง sensitive หากมีข่าว surprise ในเชิงลบเข้ามาเช่น Fed Tapering เร็วกว่าคาดหรือจะเป็นโควิดสายพันธุ์ใหม่ C.1.2 ที่ถูกพบในแอฟริกาใต้อาจทำให้เกิดการปรับฐานขึ้นได้ ซึ่งถ้าตลาดหุ้นสหรัฐฯพักฐานอาจส่งผลลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกและหุ้นไทยเราเช่นกัน

ปัจจัยภายในประเทศ: หลังประกาศคลายล็อกดาวน์ เราเริ่มเห็นผู้คนกลับมาเดินทาง กินข้าวนอกบ้านกันอย่างคึกคักแสดงถึง pent-up demand ที่พร้อมกลับมาจับจ่ายใช้สอย หนุน sentiment หุ้นกลุ่ม reopening ต่อเนื่อง ทั้งนี้เราแนะนำลงทุนหุ้นกลุ่ม reopening ที่ยัง laggard ที่ยังขึ้นมาไม่มาก ทั้งนี้ความเสี่ยงที่ต้องติดตามคือสถาณการณ์โควิดในประเทศอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ว่าจะพบจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเร่งตัวขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์หรือไม่ ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้นก็จะทำให้หุ้นกลุ่ม reopening ที่ปรับตัวขึ้นมาถูกเทขายทำกำไรได้

มุมมองตลาดหุ้น/ กลยุทธ์การลงทุน วันนี้คาด SET 1,645-50 หุ้นแนะนำ AEONTS, CENTEL

1) AEONTS (ราคาพื้นฐาน 258.00  บาท) มีการควบคุมต้นทุนที่เข้มงวด คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นและ NPL ที่น่าจะผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว ขณะที่ระดับมูลค่าหุ้นปัจจุบันน่าสนใจ PBV 2.69 เท่า และ ROE ที่ 26% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นกลุ่ม reopening ที่ยัง laggard  2) CENTEL (ราคาพื้นฐาน 37.62บาท) คาดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในประเทศที่สามารถขับรถไปได้จะฟื้นตัวก่อน โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้ตรงจุดนี้มากที่สุดในกลุ่ม นอกจากนี้อาจมี upside จากโครงสร้างต้นทุนใหม่ที่จะทำให้อัตรากำไรสูงขึ้นกว่าก่อนเกิดโควิด

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ 

วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข Caixin Service PMI ของจีนเดือน ส.ค. คาด -1.6% MoM เป็น 54 จุด ตัวเลข Markit Service PMI ของยูโรโซน เดือน ส.ค. คาดทรงตัว MoM ที่ 59.7 จุด ตัวเลข Retail sales ของยูโรโซน เดือน ก.ค. คาด +0.2% MoM และ +5.2% YoY ตัวเลข Non-farm payroll ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด 7.28 แสนตำแหน่ง (เทียบเดือนก่อนที่ +9.43 ตำแหน่ง) ขณะที่อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด 5.2% (ลดลงจากเดือนก่อนที่ 5.4%) ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด +4% YoY ตัวเลข Job participation rate เดือน ส.ค. คาดทรงตัว MoM ที่ 61.7% และตัวเลข ISM Non-manufacturing PMI ของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. คาด -3.6% MoM เป็น 61.8 จุด

- Advertisement -