ตลาดหุ้นวานนี้:

SET Index ปรับตัวขึ้นอีกเล็กน้อยโดยปิดบวก 2.58 จุด ณ สิ้นวัน โดยเริ่มมีแรงขายสลับออกมาในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวที่ปรับตัวขึ้นดีในช่วงก่อนหน้า รวมถึงรอดูตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ สถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิในตลาดหุ้นบาง ๆ 135 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอีก 1.5 พันลบ. (ต่างชาติเริ่มพลิกมา Short Index Future เล็กน้อย 2 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้:

คาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,640-1,655 จุด สร้างฐานระยะสั้น หลังปรับตัวขึ้นแรงในช่วง 3 สัปดาห์ก่อนหน้า รวมถึงขาดปัจจัยบวกใหม่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค. ของสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาดมากเพียง 2.35 แสนตำแหน่ง จากผลกระทบของสานพันธุ์ Delta ที่ระบาดส่งผลให้ FED อาจเลื่อนการพิจารณาลด QE ในการประชุมปลายเดือนนี้ และ Dollar Index อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยในประเทศการลงมติไม่ไว้วางในนายกฯ และรัฐมนตรีได้ผ่านพ้นไปแล้ว และได้รับการไว้วางใจทั้งหมด ลำดับถัดไปต้องติดตามสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศว่าจะควบคุมได้หรือไม่ หลักจากคลาย Lockdown ระยะสั้น เราประเมินดัชนีมี Upside จำกัดมากขึ้น กลยุทธ์เราแนะนำให้ “ทยอยสะสม” ในช่วงตลาดพักตัว หลังให้ทำกำไรระยะสั้นแล้วบางส่วน โดยแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,620 จุด ส่วนระดับหลักมองที่ 1,600 +- จุด และยังเน้นกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ซึ่งระยะยาวฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภาพใหญ่ ได้แก่ ธนาคาร โรงกัดมากขึ้นกลั่น ไฟแนนซ์ ค้าปลีกอาหาร ท่องเที่ยว เป็นต้น

กลยุทธ์: สะสมหุ้นกลับในช่วงตลาดพักตัวบริเวณ 1,600-1,620 จุด หลังทำกำไรระยะสั้นบางส่วนไปแล้ว

หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : BDMS, CPALL, CRC, M, TACC

หุ้นเด่นวันนี้: SONIC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท
  • คาดโมเมนตัมกำไร 2H21 ยังแข็งแกร่ง โดยตัวเลขเดือน ก.ค. -ส.ค. สะท้อนภาพว่ากำไร 3Q21 จะทำ New High ต่อเนื่อง จากค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ชดเชยธุรกิจเช่าซื้อรถบรรทุกได้
  • ผู้บริหารมองว่าค่าระวางจะยังสูงต่อเนื่องถึงกลางปีหน้าหรือยาวกว่านั้น หนุนการเติบโตปี 2022 เราคาดกำไรปี 2021-2022 + 166% Y-Y และ +6% Y-Y ตามล่าดับ
  • แนวรับ 5 บาท แนวต้าน 5.30//5.60 บาท

Fund Flow:

เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาค และเร่งตัวขึ้นเป็น US$1,923 ล้าน ยังคงนำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$1,257 ล้าน และ US$603 ล้านตามลำดับ ส่วนเอเซียนเม็ดเงินไหลเข้าเช่นกัน นำโดยไทย US$45 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าหลัง Dollar Index อ่อนค่าจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่ต่ำคาด ซึ่งอาจทำให้ FED ชะลอการพิจารณาลด QE ในการประชุมปลายเดือนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) EA เรายังคงมุมมองบวกต่อธุรกิจ EV ที่คาดเริ่มหนุนการเติบโตชัดเจนใน 3Q21 เป็นต้นไป เริ่มจากการส่งมอบ E-Bus กว่า 500 คันใน 2H21 รวมถึงโรงงานแบตเตอรี่ 1 GWh จะเริ่มดำเนินงานในเดือน ก.ย. นี้ ซึ่งคาด EV มีแต้มต่อคู่แข่งจากการเป็น First Mover นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างพัฒนาแบตเตอรี่และสถานีชาร์จที่จะเร็วกว่าปกติ 3-4 เท่า เป็นปัจจัยเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมคงราคาเป้าหมาย 76 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) SCGP เรามองบวกต่อการเข้าลงทุนเพิ่มใน Visy อีก 20% เป็น 100% ซึ่งเสริมความแข็งแกร่งในกลุ่มสินค้า HVA ทั้งในด้านรายได้และ Margin หนุนกำไรใน 4Q21 เป็นต้นไป โดยเราคาดแนวโน้มการเติบโตของกำไร 2021-2023 +31% CAGR แข็งแรง และได้ประโยชน์จากการลงทุนซื้อกิจการในช่วงปีที่ผ่านมาปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 82 บาท แนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

(+) ITEL มีผู้ใช้สิทธิ ITEL-W2 215.83 ล้านหุ้น ซึ่งมี EPS Dilution 17% ขณะที่คาดกำไรปี 2021 +47%Y-Y ทำให้ EPS ยังโต +18%Y-Y ได้ ขณะที่ฐานทุนที่แข็งแรงขึ้นจะคืนหนี้บางส่วน ทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลงและเป็นบวกต่อการลงทุนระยะยาวส่วน Edge Data Center อาจเป็น S-Curve ใหม่จากความยืดหยุ่นที่สูงกว่า และเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ราคาเป้าหมายปีนี้ Dilute ลงเหลือ 5.30 บาท แต่อยู่ระหว่างปรับใช้เป้าปีหน้าซึ่ง Upside ยังกว้าง คงคำแนะนำ “ซื้อ”

(0) TFG แนวโน้มกำไร 3Q21 ไม่สดใสเพราะ COVID-19 ส่งผลต่อราคาเนื้อสัตว์ปรับลงเร็ว และโรงงานไก่ปรุงสุกหยุดชั่วคราวจากแรงงานติดเชื้อ ขณะที่ราคาวัตถุดิบและค่าระวางเรือยังอยู่ในระดับสูงกดดัน Margin แต่คาดเริ่มทยอยฟื้นใน 4Q21 จากการคลาย lockdown ทั้งไทยและเวียดนาม ส่วนร้านค้าปลีก Food Shop ปัจจุบันมี 40 สาขา ตั้งเป้าสิ้นปี 2021 เป็น 70 สาขา และปี 2022 เพิ่มเป็น 150 สาขา หนุนการเติบโต อย่างไรก็ตามเราปรับลดกำไรปี 2021 ลงเป็น -33%Y-Y และกลับมา +22% Y-Y ปี 2022 ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2022 ที่ 5.25 บาทแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ลดลง 74.73 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 35,369.09 จุด หลังเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 720,000 ตำแหน่ง และจากเดือนก.ค. ที่เพิ่มขึ้น 1,053,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับลงเป็น 5.2% ในเดือนส.ค. ใกล้เคียงกับนักวิเคราะห์คาด และจาก 5.4% ในเดือน ก.ค.

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบหลังเปิดเผยตัวเลขจ้างงานของสหรัฐต่ำกว่าคาด กดดันการปรับลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีก

(0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสมกดดันจากสหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับขึ้นจากความคาดหวังรัฐบาลญี่ปุ่นจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ และญี่ปุ่นกำลังเตรียมจัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) คนใหม่

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.54 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 70 เซนต์หรือ 1% ปิดที่ 69.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐอ่อนแอกว่าคาด

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 22.2 ดอลลาร์หรือ 1.23% ปิดที่ 1,833.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 998.52 / +-

- Advertisement -