KS Daily View 25.07.2023 >>> SET ตอบรับเชิงบวกหลังจีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประเมินกรอบซื้อขายวันนี้ 1,515/1,540 หุ้นแนะนำวันนี้ BANPU SCGP

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA +0.52%, S&P 500 +0.40%, NASDAQ +0.19% โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+1.66%), Financials (+1.01%), Real Estate (+0.99%) ขณะที่ Health Care (-0.23%)

ในประเทศ: SET Index -5.22 pts. หรือ -0.36% ปิดที่ 1,523.81 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ DELTA (+3.32), BBL (+2.13%), PTTEP (+0.95%), BDMS (+0.88%) ขณะที่ AOT (-1.05%), KBANK (-3.49%), SCB (-2.71%), PTT (-0.72%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

มองดัชนีแกว่งตัวขึ้นตอบรับทางการจีนหลังประชุมโปลิตบูโรส่งสัญญาณเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเร็วๆนี้ ขณะที่การเมืองภายในรอประชุมวิป 3 ฝ่ายว่าจะมีข้อสรุปในการเลื่อนโหวตนายกรอบ 3 หรือไม่ เพื่อรอพิจารณามติคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถึงกรณีข้อบังคับที่ประชุมสภาขัดกฏหมายรัฐธรรมนูญ มองกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,515/1,540 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่ที่ประชุมรัฐสภามีมติห้ามเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้ศาลสั่งให้หยุดการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบเพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

2.) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย กรณีที่ประชุมรัฐสภาลงมติข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เป็นเกณฑ์เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ที่ถูกตีตกซ้ำ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566 เป็นการกระทบสิทธิและขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่า ตนให้ฝ่ายกฎหมายหารือร่วมกันก่อนจะนำข้อหารือไปหารือกับวิป 3 ฝ่าย ในวันที่ 26 ก.ค. เวลา 14.00 น. และต้องฟังผลการหารือของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลมาประกอบการพิจารณาก่อนจะสรุปว่าจะเลื่อนประชุมรัฐสภาโหวตนายกฯ รอบ 3 วันที่ 27 ก.ค.นี้ ออกไปหรือไม่

3.) ผู้นำระดับสูงของจีนได้ให้คำมั่นผ่านการประชุม Politburo ประจำเดือน ก.ค. ว่าจะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ผ่านการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเป็นปัญหาในขณะนี้ ควบคู่ไปกับการให้คำมั่นว่าจะกระตุ้นการบริโภค และแก้ไขหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น แม้ผลการประชุมกังกล่าวจะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นขนานใหญ่ตามที่ตลาดคาดหวัง แต่ถ้อยแถลงดังกล่าวถือเป็นคำมั่นของผู้นำจีนที่ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นให้กับตลาด โดยคาดว่าทางการจีนเตรียมผ่อนคลายการซื้ออสังหาฯในเมืองหลัก (Tier 1 Cities) ทั้งการลดวงเงินดาวน์/ข้อจำกัดในการซื้อบ้านหลังที่สอง ขณะที่จะแก้ปัญหาหนี้รัฐบาลท้องถิ่นโดยการปรับโครงสร้าง และอาจมีการ swap หนี้กับภาครัฐ

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,525 – 1,555 จุด ทั้งนี้ประเมินกว่าตลาดจะแกว่งตัวขึ้นต่อได้จากโอกาสที่ดอกเบี้ยโลกกำลังจะถึงจุดสูงสุดบนแนวโน้มเงินเฟ้อชะลอตัว และคาดจีนจะทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศนักลงทุนเลือกให้น้ำหนักถึงโอกาสที่จะได้รัฐบาลที่มีนโยบายเป็นมิตรกับตลาดทุนมากกว่าที่จะกลัวความเสี่ยงกรณีเกิดความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล โดย Key highlight สัปดาห์นี้จะอยู่ที่การประชุม FOMC คืนวันพุธ, การโหวตเลือกนายกในวันพฤหัสฯ รวมถึงการประชุม ECB วันพฤหัสฯ และ BOJ วันศุกร์ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้าได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือน มิ.ย., ตัวเลขรายได้ภาคเกษตร และตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. ของ ธปท.

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

BANPU (ราคาพื้นฐาน 9.4 บาท) ราคาเชื้อเพลิงมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นทั้งก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน เนื่องจากประเมินว่าปรากฎการณ์ El Nino จะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงหน้าหนาวนี้และภัยแล้งในเอเชียทำให้ผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำได้น้อยลง ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินซึ่งเป็นพลังงานหลักในการผลิตไฟฟ้าปรับสูงขึ้น ขณะที่ด้าน valuation เรามองว่าค่อนข้างถูกเนื่องจาก BANPU เทรดที่ PE ต่ำเพียงไม่ถึง 5x, PB ราว 0.6x และให้ dividend yield สูง 5.7% ดังนั้นหากจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคาดว่าราคาหุ้นน่าจะตอบสนองเชิงบวกได้

SCGP (ราคาพื้นฐาน 40.0 บาท) ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 อาจดูยังไม่ตื่นเต้นแต่เรามองไตรมาส 3/2566 จะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของกำไรที่โดดเด่น สาเหตุหลักมาจากราคาถ่านหินที่ลดลงอย่างมากประมาณ 16% QoQ ในไตรมาส 2/2566 ซึ่งจะทำให้ GPM เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป ควบคู่ไปกับปริมาณการขายที่คาดว่าจะฟื้นตัว เราคาดว่ากำไรจะปรับดีขึ้นเป็นประมาณ 1.4-1.6 พันลบ. ต่อไตรมาสในครึ่งหลังของปี 2566

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตามตัวเลขรายได้ภาคการเกษตรของไทย (Farm income) ที่มีกำหนดจะแถลงข่าว ขณะที่ช่วงข้ามคืนมีสหรัฐฯมีกำหนดประกาศตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB consumer confidence) ตลาดคาดปรับตัวดีขึ้นจาก 109.7 เป็น 112
  • วันพุธ ธปท.มีกำหนดแถลงข่าวตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนประจำเดือน พ.ค. ระหว่างวันที่ 26-27 ก.ค. และกระทรวงอุตสาหกรรมประกาศตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) ตลาดคาดหดตัวต่อ 3.25% YoY เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 3.14% YoY ช่วงข้ามคืนติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ FOMC ตลาดคาด Fed ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นจาก 5.00% เป็น 5.25%
  • วันพฤหัสฯ ติดตามผลโหวตนายกครั้งที่ 3 ของไทย และผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป ECB ตลาดคาดปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นจาก 4.00% เป็น 4.25% ต่อด้วยตัวเลข GDP สำหรับไตรมาส 2/2566 ของสหรัฐฯคาดชะลอตัวลงเหลือ 1.8% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.0%
  • วันศุกร์ ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น BOJ ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.10% ช่วงข้ามคืนมีประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ PCE ตลาดคาดปรับตัวลดลงเหลือ 3.1% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.8% YoY และ ตัวเลขดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (Employment cost index) ตลาดคาดปรับตัวลดลงเหลือ 1.1% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.2%
- Advertisement -