ในวันที่เขาต้องไป / 1.510-1.530

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • คาด SET แกว่งตัว Sideways to sideways down : แรงกดดันมาจากการเมืองไทยที่เสี่ยงถูกเลื่อนการโหวตนายกฯออกไป หลังผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นศาลรธน.วินิฉัยประเด็นการใช้ข้อ 41 ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พร้อมขอให้สั่งยุติโหวตนายกฯ ไว้ก่อน ขณะที่ปธ.รัฐสภาเตรียมหารือวิป 3 ฝ่ายในวันพรุ่งนี้ ว่าจะเลื่อนการโหวตในรอบที่ 3 ออกไปก่อนหรือไม่ รวมถึงรอฟังผลการหารือของ 8 พรรคร่วมฯ ในวันนี้ เพื่อประกอบการพิจารณา ทั้งนี้การเมืองที่เป็น Overhang จะเป็นผลเสียต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงศก.ไทย ส่งผลให้อาจเกิดแรงขายปิดความเสี่ยงของนักลงทุนที่ไม่ชอบความไม่แน่นอน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ สอดรับกับวานนี้ที่ขายสุทธิสูงถึง 4.34 พันลบ. นอกจากนี้ การหารือ 8 พรรคร่วมฯ ในวันนี้ หากข้อสรุปออกมาในทิศทางของรัฐบาลผสมข้ามขั้วและก้าวไกลต้องเดินหน้าเข้าสู่ฝ่ายค้าน อาจส่งผลให้ความขัดแย้งนอกรัฐสภายกระดับความรุนแรงขึ้น ขณะที่การเปิดเผย PMI เดือนก.ค. ที่ชะลอตัวลงของสหรัฐฯ และยุโรป คาดเป็นอีก Sentiment ทางลบเช่นกัน อย่างไรก็ดี ทางลงของ SET Index คาดจำกัดจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่คาดปรับตัวขึ้น ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้น 2.1% สู่ระดับ $78.74 ต่อบาร์เรล โดยได้แรงหนุนจาก 1) ภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในตลาดโลก และ 2) ความหวังที่ว่าการออกมาตรการกระตุ้นศก.ของจีน หลัง NDRC ประกาศแผนกระตุ้นการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาคเอกชน นอกจากนี้ คาด SET Index จะมีแรงพยุงจากการเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจบ 2066 สดใส ขณะที่คืนนี้ติดตามการรายงานงบกลุ่มเทคฯ จากฝั่ง US
  • กลยุทธ์การลงทุน: 1) เก็งหุ้นคาดงบสดใส: BEM, BTS, HMPRO, ILM, PLANB, SCGP 2) Commodity play: BANPU, CPI, PTTEP, SPRC, TOP, TVO, UVAN 3) Defensive: BDMS, BGRIM, BH, GPSC และ 4) Dividend: AP, LH, TISCO

ปัจจัยบวก

  • ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. อยู่ที่ระดับ 94.1 ปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 92.5 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
  • ธนาคาร UOB เผยผลสำรวจพบว่าธุรกิจ SME และองค์กรขนาดใหญ่มีความเชื่อมั่นว่าภาคธุรกิจกำลังเข้าสู่สภาวะฟื้นตัว โดย 76% ของผู้บริหารที่ตอบแบบสำรวจเชื่อมั่นว่าผลประกอบการขององค์กรในปี 66 มีแนวโน้มสูงขึ้น
  • Goldman Sachs คาดจะเกิดภาวะขาดแคลนนํ้ามันมากพอสมควร ในช่วง 2H66 โดยมีแนวโน้มที่จะขาดแคลนเกือบ 2 ล้านบาร์เรล/วัน ใน 3Q66 หลังอุปสงค์แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ปัจจัยลบ

  • สหรัฐฯเผย PMI รวมจาก S&P Global เดือนก.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ 52.0 และต่ำกว่าตลาดคาดและ ชะลอลงจากเดือนมิ.ย. ที่ระดับ 53.1 และ 53.7 ตามลำดับ
  • ยุโรปเผย PMI รวมจาก S&P Global เดือนก.ค.ปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนที่ 48.9 และต่ำกว่าตลาดคาดและชะลอลงจากเดือนมิ.ย. ที่ระดับ 49.7 และ 49.9 ตามลำดับ
  • เลขาฯ UN เรียกร้องรัสเซียกลับเข้าสู่ข้อตกลงส่งออกธัญพืช โดยเผยว่าการระงับข้อตกลงส่งผลกระทบต่อกลุ่มเปราะบางมากที่สุด เมื่อราคาอาหารพุ่งขึ้น ทุกคนก็จะต้องจ่ายในราคาที่สูงขึ้น
  • รอยเตอร์รายงานว่าเมืองต่างๆ ทั่วภาคเหนือของไต้หวันสั่งปิดถนนและให้ผู้คนเก็บตัวอยู่ในอาคาร เพื่อฝึกซ้อมรับมือการโจมตีทางอากาศประจําปี ตามแผนยกระดับการเตรียมการในกรณีที่จีนก่อเหตุโจมตี ท่ามกลางภัยคุกคามทางทหารที่เพิ่มขึ้นจากจีน

PICKS OF THE DAY

BDMS BUY

  • เป้าหมาย 30.25/31.00 แนวรับ 27.00/27.75
  • Defensive Stock: ปัจจุบัน BDMS มีค่า Beta = 0.7 ซึ่งต่ำกว่า 1 เป็น Defensive Stock เหมาะแก่การลงทุนในช่วงที่หุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนจากความไม่แน่นอนทางการเมือง
  • ผู้ป่วยต่างชาติฟื้นตัว: ผู้ป่วยต่างชาติทยอยนัดเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนเมษายน66 มียอดนัดหมายของผู้ป่วยชาวต่างชาติ 2.5 หมื่นราย ซึ่งกำหนดให้เข้ามารักษาในช่วงเดือนมิถุนา66 โดยเป็นCLMV 42.3%, ตะวันออกกลาง 12.0%, ยุโรป11.0%, ประเทศอื่นๆ34.7% โดยทางฝ่ายยังคงมองว่าจำนวนผู้ป่วยทั้งจากต่างประเทศและในประเทศจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นในครึ่งปีหลังจากโรคที่มากับฝนและอากาศหนาว

BEM BUY

  • เป้าหมาย 9.10/9.40 แนวรับ 8.50/8.65
  • คาด 2Q66 กำไร +18.2% q-q, +39.6% y-y: คาดกำไร 2Q66 ที่ 885 ลบ. จากผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าฟื้นตัว 7.1% และ 53.2% y-y เป็นตัวหนุนการเติบโต y-y ส่วน q-q แม้เป็น low season จากปิดเทอมและวันหยุดยาว แต่ก็จะรับรู้เงินปันผลจาก TTW และ CKP เข้ามา 337 ลบ..
  • 2H66 แนวโน้มดีต่อเนื่อง: จาก 1) กิจกรรมที่ศูนย์สิริกิติ์และช่วงปลายปี 2) นักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวและ high season ท่องเที่ยวใน 4Q66 3) เปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ส่งต่อผู้โดยสารมาให้ BEM 4) รับรู้ปันผล ของ TTW อีก 221 ลบ.ใน 3Q66 และ 5) ต้นทุนค่าไฟฟ้าลดลงตามค่า Ft

 

- Advertisement -