บล.บัวหลวง:

Thai Union Feedmill (TFM TB/TFM.BK)

TFM – ไตรมาส 2/66 ฟื้นตัวหลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 1/66

การคาดการณ์ไตรมาส 2/66 ที่จะพลิกฟื้นกลับไปเป็นกำไร QoQ ชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวของกำไรที่ดีขึ้น และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เนื่องจากกำไรหลักที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ สําหรับในไตรมาส 3/66 เราจึงมองว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 1/66 เรายังคงคําแนะนํา “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TFM

ส่องกล้องไตรมาส 2/66 – กำไรหลักเติบโตแรง YoY และผลประกอบการหลักพลิกกลับไปเป็นกำไร QoQ

เราคาดกําไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY และพลิกกลับไปเป็นกำไร QoQ จากขาดทุนสุทธิ 28 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 หากไม่รวมรายการพิเศษ ได้แก่กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายครั้งเดียว สําหรับการตัดจําหน่ายสินทรัพย์ 20 ล้านบาท กำไรหลักในไตรมาสนี้มีแนวโน้มอยู่ที่ 55 ล้านบาท เติบโตแรง 250% YoY และพลิกกลับ QoQ จากขาดทุนหลัก 27 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 ประมาณการใหม่สําหรับกำไรหลักในครั้งนี้ สูงกว่าประมาณการก่อนหน้า ซึ่งเราคาดที่ 16 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากําไรขั้นต้นที่สูงกว่าที่เราเคยคาดก่อนหน้า เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 9.3% ในไตรมาส 2/66 เพิ่มขึ้นจาก 7.2% ในไตรมาส 2/65 และ 4.1% ในไตรมาส 1/66 (และสูงกว่าประมาณการก่อนหน้าของเราที่ 8.5%)

กําไรหลักที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด YoY ได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เติบโตแข็งแกร่ง (จากยอดขายอาหารกุ้งและอาหารสัตว์บกที่เพิ่มขึ้น) และอัตรากําไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด (เนื่องจากสัดส่วนอาหารกุ้งซึ่งให้อัตรากําไรในระดับสูงเพิ่มขึ้นในยอดขายรวม) สัดส่วนของยอดขายอาหารกุ้งที่ให้อัตรากําไรในระดับสูงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 54% ในปี 2565 และ 55% ในไตรมาส 1/66 ไปเป็น 61% ในไตรมาส 2/66 ในขณะที่สัดส่วนของยอดขายอาหารปลาที่ให้อัตรากำไรในระดับต่ำมีแนวโน้มลดลงจาก 36% ในปี 2565 และ 32% ในไตรมาส 1/66 เหลือ 29% ในไตรมาส 2/66 อัตรากำไรขั้นต้นของอาหารกุ้ง ถือว่าอยู่ในระดับสูงสุดในผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ทุกประเภท (11.5% ในปี 2565) เมื่อเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นของอาหารปลา (5.5% ในปี 2565) และอัตรากําไรขั้นต้นของอาหารสัตว์บก (6.8% ในปี 2565) ส่วนผลประกอบการหลักที่คาดว่าจะพลิกกลับมาเป็นกำไร QoQ เนื่องมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นแรง และอัตรากําไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น (จากยอดขายอาหารกุ้งที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงประมาณ 5-10% QoQ)

สัดส่วนยอดขายอาหารกุ้งที่ให้อัตรากำไรสูงจะหนุนอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2/66

เราคาดยอดขายไตรมาส 2/66 ที่ 1.34 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 17% QoQ ซึ่งมีปัจจัยหนุนมาจากยอดขายอาหารกุ้ง (เพิ่มขึ้น 15% YoY) และยอดขายอาหารสัตว์บก (เพิ่มขึ้น 6% YoY) ในขณะที่ยอดขายอาหารปลา ลดลง 9% YoY วอลุ่มขายอาหารสัตว์โดยรวมทั้งหมดในไตรมาส 2/66 คาดว่าจะลดลง 7% YoY ในขณะที่ราคาขายอาหารสัตว์เฉลี่ยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 13% YoY สำหรับธุรกิจอาหารกุ้ง เราคาดว่าวอลุ่มขายจะเพิ่มขึ้น 1% YoY และราคาขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 14% YoY (หนุนจากการปรับพอร์ตสินค้าอาหารกุ้ง โดยเปลี่ยนไปขายอาหารกุ้งที่มีราคาแพงขึ้นและมีอัตรากำไรที่มากขึ้น) สำหรับธุรกิจอาหารปลา เราคาดว่าวอลุ่มขายจะลดลง 25% YoY แต่ราคาขายเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 20% YoY (จากการเน้นขายอาหารปลากะพงที่มีราคาแพงกว่า และมีอัตรากำไรสูงกว่าอาหารปลาน้ำจืดประเภทอื่นๆ ที่มีอัตรากำไรที่ต่ำกว่า บวกกับยอดขายอาหารปลาที่ลดลงในประเทศปากีสถาน เนื่องจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ส่งผลให้เกษตรกรใช้เหยื่อสดแทนอาหารปลา) เราคาดวอลุ่มขายอาหารปลากะพงในไตรมาส 2/66 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 20% YoY สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์บก เราคาดวอลุ่มขายมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 8% YoY (จากการเพิ่มไลน์สินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ และกลยุทธ์การทำตลาดใหม่ในประเทศปากีสถาน โดยลดการขาย อาหารปลาและหันมาขายอาหารสัตว์บกเพิ่มขึ้นแทน) และราคาขายเฉลี่ยมีแนวโน้มลดลง 1% YoY

กำไรหลักไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 11-12% ในไตรมาส 3/66 เทียบกับ 11.1% ในไตรมาส 3/65 (และปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 9.3% ในไตรมาส 2/65 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่คาดจะว่าลดลงต่อเนื่องอีก 3-5% QoQ และการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของฤดูการเลี้ยงปลากะพง) ถึงแม้ว่าราคากุ้ง ณ ปัจจุบันที่ปรับตัวลงแรงอาจจะส่งผลให้ช่วงไฮซีซั่นของการเลี้ยงกุ้งของประเทศไทยล่าช้าออกไปจากไตรมาส 3/66 ไปเป็นไตรมาส 4/66 ก็ตาม เราคาดกำไรหลักไตรมาส 3/56 ที่ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% YoY และ 36% QoQ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงกำไร ที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น QoQ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

 

- Advertisement -