บล.บัวหลวง:
SCGP – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
What’s new?
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ยืนยันมุมมองเชิงบวกของเราต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานและแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท
Highlights:
- ภาพรวมอุปสงค์บรรจุภัณฑ์ทั้งในประเทศไทยและ ASEAN มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องใน 2H23 อย่างไรก็ตามอุปสงค์จากภาคส่งออก (โดยเฉพาะส่งออกไปยังยุโรป) อาจยังคงชะลอตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ ทั้งนี้แนวโน้มราคากระดาษบรรจุภัณฑ์สำหรับตลาดในประเทศน่าจะทรงตัวได้ แต่ตลาดส่งออกอาจได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่มีจำนวนมาก
- ในด้านต้นทุน ถึงแม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบ (เศษกระดาษ) มีแนวโน้มทรงตัว แต่ต้นทุนพลังงานและค่าขนส่งมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่องใน 2H23 นอกจากนั้นบริษัทจะเร่งสร้าง synergy จากการดำเนินงานในทุกประเทศที่ทำธุรกิจอยู่ทั้งในส่วนของการจัดซื้อร่วมกัน, การปรับแผนการผลิต, และการ cross-selling เป็นต้น ปัจจัยต่างๆเหล่านี้น่าจะหนุนให้อัตรากำไรปรับตัวสูงขึ้น
- บริษัทจะยังคงดำเนินกลยุทธ์ขยายการเติบโตจากการ M&P (Merger & Partnership) โดยมุ่งเน้นการเพิ่ม integration ไปสู่ธุรกิจปลายน้ำมากขึ้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซียและเวียดนาม)
- บริษัทยังคงตั้งงบลงทุนสำหรับปี 2023 ไว้ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท (รวม M&P CAPEX 9 พันล้านบาท) จากสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง (อัตราส่วน net debt/EBITDA ที่เพียง 1.9 เท่า [เทียบกับระดับนโยบายที่ 3 เท่า] และเงินสดในมือ 1.3 หมื่นล้านบาท ณ สิ้น 2Q23) SCGP จึงมีความพร้อมสำหรับการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายการเติบโตในอนาคต
- บริษัทมีแผนที่จะซื้อหุ้นใน Fajar (ธุรกิจผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์) เพิ่มอีก 44.48% (ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 55.23% ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 99.71%) คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.3 หมื่นล้านบาทและคาดว่ารายการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นราวกลางปี 2024 เนื่องจากบริษัทมองว่าอินโดนีเซียเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตอีกมากในระยะยาว ในขณะเดียวกันบริษัทก็พิจารณาหา strategic partner รายใหม่ที่จะเข้ามาร่วมลงทุน
View From Fundamental:
แนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q23 ของ SCGP ที่ดีขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรและมูลค่าหุ้นจาก การลงทุนและ/หรือการเข้าซื้อกิจการใหม่ เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 56 บาท)