บล.บัวหลวง: 

Thai Plaspac (TPAC TB/TPAC.BK)

TPAC – เติบโตเด่นในปี 2566 และมีโอกาสเติบโตอีกมากในอนาคต

อุปสงค์บรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและการเข้าซื้อกิจการ ส่งผลให้การเติบโตของกําไรในระยะยาวยั่งยืน และอาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการ และการประเมินมูลค่าหุ้นของเราจากการลงทุนใหม่ในอนาคต เรากลับมาเริ่มต้นให้คําแนะนํา “ซื้อ”

ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอุปโภคบริโภค…อุปสรรคที่แข็งแกร่งในการเข้าสู่ตลาด

TPAC เป็นผู้ผลิตและให้บริการบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดคงรูป (rigid plastic packaging) ครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นไปที่สินค้าอุปโภค ผู้บริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน (อาหารและเครื่องดื่ม, เวชภัณฑ์และ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยส่วนบุคคล, และสินค้าอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน) ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องการมาตรฐานด้านสุขอนามัยที่เข้มงวด ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าสู่ตลาด รวมทั้งสร้างความภักดีของลูกค้า TPAC มีลูกค้ามากกว่า 1,500 รายใน 50 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นฐานรายได้จึงกว้างและไม่มีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของลูกค้ารายใหญ่

มีโอกาสทางการตลาดอีกมากสำหรับการเติบโตในอนาคต

TPAC ขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา จากฐานในประเทศไทยไปยังประเทศอินเดีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, และมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วสําหรับสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ บริษัทเน้นกลยุทธ์ไปยังอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดคงรูปในแต่ละประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ เนื่องจากตลาดเหล่านี้มีการขยายตัวค่อนข้างเร็ว เราจึงมองเห็นโอกาสในการเติบโตของ TPAC ในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะขยายส่วนแบ่งทาง การตลาดในประเทศดังกล่าวผ่านการขยายธุรกิจปัจจุบันและการเข้าซื้อกิจการ, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, และการสร้างฐานลูกค้า การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเราบ่งชี้ให้เห็นว่าทุกๆ 1% ที่ส่วนแบ่งทางการตลาดเฉลี่ยของ TPAC เพิ่มขึ้นจะคิดเป็นอัพไซด์ 7% สําหรับประมาณการกำไรปี 2567 และ 5% โดยเฉลี่ยสําหรับประมาณการกำาไรในระยะยาว

กําไรมีแนวโน้มขยายตัวและงบดุลแข็งแกร่ง

เช่นเดียวกับบริษัทอื่นๆ หลายแห่งที่ดำเนินธุรกิจในหลายประเทศ TPAC เผชิญกับแรงกดดันด้านต้นทุนในปี 2565  ซึ่งส่งผลให้อัตรากําไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวลดลง อัตรากำไรขั้นต้นลดลงสู่ระดับต่ำสุดในไตรมาส 2/65 จากนั้นฟื้นตัว QoQ ในไตรมาส 3/65- ไตรมาส 1/66 ปัจจัยหนุน ได้แก่ การประหยัดต้นทุนการจัดซื้อและความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังลูกค้า แม้จะมีอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง แต่ TPAC ยังคงสามารถรายงานกำไร หลักปี 2565 เติบโต YoY ได้ หนุนโดยยอดขายที่เพิ่มขึ้น (ทั้งการเติบโตของปริมาณขายจากธุรกิจปัจจุบันและยอดขายจากการเข้าซื้อกิจการ) จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น หนุนโดยอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นในวงกว้าง, การรับรู้รายได้เต็มปีจาก Skypet, และอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น (แรงกดดันด้านต้นทุนที่ลดลง) เราคาดว่า TPAC จะรายงานกำไรหลักปี 2566 ที่ 522 ล้านบาท เติบโตอย่างมากถึง 75.7% YoY มองไปข้างหน้า เราคาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของกำไรหลักในปี 2567-68 ที่ 10.6% และอาจมีอัพไซต์ต่อประมาณการรายได้และประมาณการกำไรของเราจากการลงทุนใหม่-สร้างโรงงานใหม่ และการเข้าซื้อกิจการ งบดุลของ TPAC ยังคงมีแนวโน้มแข็งแกร่ง ดังนั้นบริษัทน่าจะมีความสามารถในการกู้ยืมเงินอีกมาก สําหรับใช้เพื่อการลงทุนขยายกำลังการผลิตและการซื้อกิจการในอนาคต

- Advertisement -