บล.พาย: 

MEGA – Mega Lifesciences PCL คาดกําไรไตรมาส 2/23 ทรงตัว YoY

เราคาดกำไรปกติไตรมาส 2/23 ที่ 545 ล้านบาท (ทรงตัว YoY, +2%QoQ) ที่ทรงตัว YoY เป็นเพราะฐานสูงจากปีก่อนที่กลุ่มสินค้า โภชนเภสัช (วิตามินและอาหารเสริม) ได้รับอุปสงค์อย่างล้นหลามจากสินค้ากลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก COVID ขณะที่คาดว่ารายได้จะลดลงเล็กน้อย YoY เป็น 3.8 พันล้านบาท จากค่าเสื่อมของกิจการในเมียน มาบวกกับกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง ราคาหุ้น MEGA ลดลง 19% YTD เพราะตลาดเริ่มคิดลด upside จากสถานการณ์ COVID-19 แล้ว เราเชื่อว่าราคาปัจจุบันสะท้อนผลกระทบดังกล่าวไปมากแล้ว จึงแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 52.00 บาท

คาดกำไรไตรมาส 2/23 ทรงตัวเพราะฐานสูง

  • คาดรายได้ธุรกิจ Mega We Care (ธุรกิจสินค้าแบรนด์) จะทรงตัว YoY ที่ 2 พันล้านบาท (+3%QoQ) ในไตรมาส 2/23 เพราะสินค้าจำพวกยาที่ฟื้นตัวมาชดเชยการปรับตัวลดลงของกลุ่ม สินค้าโภชนเภสัชจากฐานสูง (วิตามินและอาหารเสริม) สืบเนื่องจากการที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคและรักษาสุขภาพมากขึ้น  เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในธุรกิจ Mega We Care จะกลับสู่ระดับปกติที่ 65.0% ในไตรมาส 2/23 จาก 66.9% ในไตรมาส 2/22 สาเหตุจากผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยน (FX) และสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นใจ
  • ประเมินรายได้ธุรกิจ Maxxcare (ธุรกิจจัดจำหน่าย) ที่ลดลงเหลือ 1.7 พันล้านบาท (-4%YoY) ในไตรมาส 2/23 ฉุดจากค่าเสื่อมในเมียนมาบวกกับกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง ขณะที่คาดว่า GPM ใน Maxxcare จะทรงตัวที่ 20.4% ในไตรมาส 2/23 ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/23
  • คาดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายในไตรมาส 2/23 ยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ที่ 27.5% เทียบ 27.6% ในไตรมาส 2/22 และ 27.6% ในไตรมาส 1/23 จากการคุมต้นทุนแคมเปญโปรโมชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพรวมกลาง ๆ ในปี 2023

  • บริษัทตั้งเป้ายอดขายสินค้าแบรนด์ที่ทรงตัว YoY ในปี 2023 และรายได้ธุรกิจจัดจำหน่ายที่ลดลงระดับหลักหน่วยปลายหากเทียบกับปี 2022
  • เราคาดว่ายอดขาย Mega We Care จะโต 1%YoY ในปี 2023 หนุนจากกระแสที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคและรักษาสุขภาพมากขึ้น ขณะที่ประเมินว่ายอดขาย Maxxcare จะลดลง 8%YoY ในปี 2023 เพราะเสียลูกค้ารายใหญ่ไป 1 ราย ที่เคยมีส่วนแบ่ง 7% ของรายได้ธุรกิจ Maxxcare ในปี 2022 และคาดถึงกำลังซื้อผู้บริโภคที่หดตัวลงจากเงินเฟ้อในเมียนมาที่สูงขึ้น เราจึงมองว่ากำไรสุทธิจะลดลง 8% YoY ในปี 2023 แต่ยังคงมุมมองบวกต่อภาพการเติบโตระยะยาว หนุนจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ และอุปสงค์ต่อสินค้าเพื่อสุขภาพที่โตขึ้น

คงคําแนะนํา “ซื้อ” ยังเป็นโอกาสในการเข้าสะสม

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 52 บาท อิง 22xPE’23E คิดลด 25% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์ไทย และคิดเป็นค่าเฉลี่ย 3 ปีของ MEGA

Revenue breakdown

การดำเนินงานของบริษัทสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้:

1) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ Mega We Care (49% ของยอดขายทั้งหมด) ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ด้วยสถานะผู้นำในตลาดอินโดจีน

2) Maxxcare (49%) ธุรกิจจัดจำหน่ายที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในเมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา

3) ธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) (2%) ด้วยสถานะ OEM ด้านแคปซูลนิ่มรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หน่วยธุรกิจ Mega We Care, Maxxcare และ OEM คิดเป็น 49% 49% และ 2% ต่อยอดขายรวม ตามลำดับ

หากแบ่งธุรกิจ Mega We Care ออกเป็นตามพื้นที่จะได้ภาพดังนี้ 1) สัดส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ 77% ของยอดขาย ทั้งหมด และ 2) แอฟริกาที่ 12% ขณะที่ธุรกิจ Maxxcare จะเน้นตลาดเมียนมา เวียดนาม และกัมพูชาเป็นหลัก

- Advertisement -