โนเบิลโชว์ความสำเร็จ ปิดดีล “นิว ดิสทริค อาร์ 9 และ นิว ครอส คูคต สเตชัน” รับเงินสด 1,400 ล้านบาท เตรียมพร้อมบุ๊คกำไรพิเศษในไตรมาส 3 นี้
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) “NOBLE” บรรลุข้อตกลงกระบวนการขายเงินลงทุน และโอนหุ้นดีล 2 โครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 และนิว ครอส คูคต สเตชัน เป็นอันเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยได้รับกระแสเงินสดกว่า 1,400 ล้านบาท เข้าบริษัทฯ ได้ทันที พร้อมบันทึกเป็นกำไรพิเศษในไตรมาส 3/2566 นี้ เสริมผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้น
นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ และผลธุรกรรมเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนซื้อขายหุ้นให้แก่บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) “PROUD” ตามข้อตกลง โดยดีลดังกล่าวเป็น การขายหุ้นใน บริษัท พระราม 9 อัลไลแอนซ์ จำกัด และ บริษัท คูคต สเตชัน อัลไลแอนซ์ จำกัด ที่บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้น 50% ร่วมกับทางกลุ่ม บริษัท บีทีเอส และ กลุ่มบริษัทในเครือ สหพัฒน์ ที่ได้ร่วมกันพัฒนาโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 และ โครงการนิว ครอส คูคต สเตชัน ซึ่งได้เปิดตัวโครงการไปในช่วงสองปีที่ผ่านมา ปัจจุบันโครงการนิว ครอส คูคต สเตชั่น ได้ดำเนินการขายไป 100% และ โครงการนิว ดิสทริค อาร์ 9 มียอดขายแล้วกว่า 80% โดยทั้งสองโครงการมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 8,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายการการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ส่งผลดีให้กับบริษัทฯ ทั้งในแง่ของกำไรที่สามารถรับรู้ได้ทันทีที่ธุรกรรมเสร็จสิ้น และกระแสเงินสดที่ได้กลับมาอย่างรวดเร็ว บริษัทฯ สามารถนำเงินสดมาหมุนเวียนเพื่อนำไปลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยการทำรายการขายหุ้นของทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว เป็นไปตามกลยุทธ์ในการดำเนินการของบริษัทฯ ที่มีความต้องการสร้างอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงที่สุด (Maximize Return on Equity (ROE) & Internal Rate of Return (IRR)) จากการลดระยะเวลาการถือครองและรับรู้กำไรที่สมเหตุสมผล ถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มสู่การต่อยอดและการเติบโตให้กับบริษัทฯ ในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลตอบแทนในลักษณะของส่วนแบ่งกำไรจากการบริหารงาน จากผู้ร่วมทุนในโครงการ ซึ่งคำนวณจากอัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) ที่บริษัทฯ สามารถทำได้ จากการขายเงินลงทุนดังกล่าว เป็นผลให้ได้รับกระแสเงินสดจากธุรกรรมดังกล่าวกว่า1,400 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเป็นผู้ดำเนินการโครงการทั้งสองต่อไป ในฐานะผู้บริหารโครงการ เพื่อที่จะดำเนินการก่อสร้าง และส่งมอบห้องชุดให้แก่ลูกค้า รวมทั้งดูแลโครงการหลังการขาย ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ได้ทำไว้กับลูกค้าทุก ๆ ราย ตามที่ได้มีข้อผูกพันอีกด้วย
สำหรับการดำเนินงานในปี 2566 ของบริษัทฯ ยังคงเป็นไปตามแผนการเปิดตัว 9 โครงการ มูลค่ากว่า 22,100 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทฯ มียอดขาย (Pre-sale) แล้วกว่า 8,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามประมาณการณ์ที่วางแผนไว้ ด้วย Demand ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างการรับรู้รายได้รวมถึงผลตอบแทนที่ดีในครึ่งปีหลังนี้อีกด้วย” นายธงชัย กล่าวทิ้งท้าย