TK ได้รับการคงอันดับเครดิตองค์กร BBB+ (Stable) จากทริสเรทติ้ง สถานะทางฐานทุนแข็งแกร่งมาก สภาพคล่องเข้มแข็ง
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย รายงานทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ TK ที่ระดับ BBB+ (Stable) จากการเดินกลยุทธ์ที่สอดรับกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ พร้อมประสบการณ์ในธุรกิจเช่าซื้อมานานกว่า 50 ปี ด้วยการเลือกรักษาคุณภาพพอร์ต คงระดับหนี้เสีย บริหารฐานทุนให้แข็งแกร่ง และมีสภาพคล่องที่แข็งแรง ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของ TK เพิ่มขึ้นเป็น 69.7% พร้อมเงินสดในมือมากถึง 2,100 พันล้านบาท มากพอสำหรับใช้ขยายพอร์ตสินเชื่อในประเทศได้อีก 2 – 3 ปีข้างหน้าได้ทันที ขณะมีเงินกู้ในประเทศมีจำนวนต่ำเพียง 353 ล้านบาท เผยแนวโน้มหนี้เสียธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ไตรมาส 1/2566 เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนหนี้ครัวเรือน เป็น 90.6% ต่อจีดีพี ด้าน “พิโกไฟแนซ์” ยอดค้างชำระเกิน 3 เดือน ณ มีนาคม 2566 ปรับเพิ่มขึ้นถึง 20.84% ขณะ TK ยังคงเดินเกมเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อรักษาคุณภาพลูกหนี้และจะขยายตลาดในประเทศทันทีที่การกำกับดูแลจาก ธปท. ชัดเจน
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า ทริสเรทติ้งล่าสุดคงอันดับเครดิตองค์กรของ TK ที่ระดับ BBB+ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิตคงที่ หรือ “Stable” ซึ่งปัจจัยสำคัญในการกำหนดอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะฐานทุนที่แข็งแกร่ง และสภาพคล่องที่เข้มแข็งของ TK ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งได้ประเมินระดับฐานทุนของบริษัทฯ ให้อยู่ในระดับที่ “แข็งแกร่งมาก” และคาดว่าจะคงอยู่ในระดับดังกล่าวในระยะปานกลาง โดยอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทฯ เพิ่มจาก 67.1% ณ สิ้นปี 2566 เป็น 69.7% ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2566 ซึ่งเกิดจากการชะลอการปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยคาดว่าบริษัทฯ จะเริ่มกลับมาขยายสินเชื่อหลังแนวทางการควบคุมในธุรกิจเช่าซื้อจากธนาคารแห่งประเทศไทยชัดเจน
นอกจากนี้ ทริสเรตติ้ง ได้ปรับการประเมินแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องของ TK จาก “เพียงพอ” เป็น “แข็งแรง” จากการที่บริษัทฯ มีเงินสดในมือจำนวนมากและมีการก่อหนี้ต่ำ โดยพิจารณาว่าจุดแข็งดังกล่าวจะยังคงต่อเนื่องในปี 2566 – 2568 จากแผนธุรกิจที่รัดกุม ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2566 บริษัทฯ มีเงินสดในมือจำนวน 2,100 ล้านบาท และมีเงินกู้จำนวน 353 ล้านบาท ซึ่งทริสเรตติ้งเชื่อว่า TK จะมีสภาพคล่องที่เพียงพอสำหรับการเติบโตในประเทศใน 2 – 3 ปีข้างหน้า ด้านธุรกิจต่างประเทศทั้ง Suosdey Finance ในกัมพูชาและ Sabaidee Leasing ใน สปป.ลาว ณ มีนาคม 2566 TK มีเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 3,800 ล้านบาทจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อเสริมสภาพคล่องและเป็นแหล่งเงินทุน
“ผลการจัดอันดับของทริสเรตติ้งล่าสุดในปี 2566 นี้ เป็นการยืนยันการกำหนดทิศทางในการดำเนินธุรกิจของ TK ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 50 ปี ในการวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับตลาด สภาพเศรษฐกิจ สถานการณ์ต่าง ๆ และปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่เหนือการควบคุม ในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว TK เลือกใช้กลยุทธ์การให้สินเชื่ออย่างระมัดระวัง เข้มงวดในปล่อยสินเชื่อ บริหารคุณภาพลูกหนี้ในพอร์ตเช่าซื้อ คงระดับหนี้เสีย และบริหารฐานทุนให้แข็งแรง เน้นการถือเงินสดให้พร้อมขยายตลาดทันในจังหวะที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน” นางสาวปฐมากล่าว
นายประพล พรประภา กรรมการและรองผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวว่า ทริสเรทติ้งได้คาดการณ์ว่าบริษัทฯ จะยังคงแผนธุรกิจที่เน้นความระมัดระวังในปี 2566 นี้ และค่อย ๆ กลับมาขยายสินเชื่อในปี 2567 – 2568 โดยคาดว่าสินเชื่อคงค้างของบริษัทฯ จะเติบโตประมาณ 15 – 20% ต่อปีในช่วงปีดังกล่าว ซึ่งจะทำให้สินเชื่อคงค้างในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 3,100 ล้านบาทภายในปี 2568 ในขณะที่ความสามารถในการควบคุมต้นทุนทางด้านเครดิตและค่าใช้จ่ายในการบริหารจะเป็นปัจจัยหลักของบริษัทฯ ในการคงความสามารถในการทำกำไร นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าความสามารถในการทำกำไรในต่างประเทศของบริษัทฯ จะยังคงมากกว่าตลาดในประเทศ จากผลตอบแทนและรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงกว่าที่สามารถชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้
การคาดการณ์ของทริสเรตติ้งสอดคล้องกับมุมมองของ TK ในการวางกลยุทธ์ด้านการขยายพอร์ตเช่าซื้อ ประกอบกับข้อมูลแนวโน้มหนี้เสียธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ไตรมาส 1/2566 จากธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานสัดส่วนหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นจาก 86.3% เป็น 90.6% ต่อจีดีพี ในไตรมาส 1/2566 ด้าน “พิโกไฟแนนซ์” ล่าสุดรายงานยอดค้างชำระเกิน 3 เดือน ณ มีนาคม 2566 ปรับเพิ่มขึ้นถึง 20.84% จากเดิม มีนาคม 2566 ที่ 18.27% นอกจากนี้ ในเดือนกรกฎาคม 2566 ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25% – 5.50% สูงที่สุดในรอบ 22 ปี ส่วนในสหภาพยุโรป ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 3.5% สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 0.25% เป็น 2.25% ในต้นเดือนสิงหาคม 2566 นี้ ซึ่งพิจารณาจากสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ในปีนี้ TK จะยังคงเดินหน้าในการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อรักษาคุณภาพลูกหนี้ โดยในไตรมาส 2/2566 หนี้เสียรวมในพอร์ตเช่าซื้อของ TK ยังคงใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2566
ในช่วง 6 เดือนแรก ของปี 2566 ตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับ ตลาดเช่าซื้อฯ ในต่างประเทศที่ TK ดำเนินธุรกิจอยู่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ ทันทีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับการกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อฯ TK ก็จะพร้อมเดินหน้าปรับกลยุทธ์และบริหารจัดการธุรกิจให้สอดรับ โดยพร้อมนำเงินสดที่เป็นฐานทุนในมือมาใช้ขยายตลาด ให้พอร์ตเช่าซื้อในประเทศเติบโตมากกว่าที่เป็นอยู่ในทันที ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าความเชี่ยวชาญ ความเข้าใจตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และการมีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 50 ปี ประกอบกับฐานทุนที่แข็งแกร่งมาก จะทำให้เป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการแข่งขันและเติบโตตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ในระยะกลางและระยะยาว ภายใต้บริบทของการแข่งขันใหม่ ด้วย การเดินกลยุทธ์ทางธุรกิจที่แตกต่าง นายประพล กล่าวทิ้งท้าย