บล.บัวหลวง:
Bangkok Commercial Asset Management (BAM TB /BAM.BK)
BAM – คาดว่ายังอ่อนแอต่ออีกไตรมาส
BAM มีแนวโน้มรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 ต่ำกว่าตลาดคาด และเราปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-67 ลง มูลค่าหุ้นปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับราคาไม่แพง แต่เรายังรอสัญญาณการฟื้นตัวของกําไรก่อนปรับเพิ่มคําแนะนํา
มีแนวโน้มต่ำกว่าตลาดคาดเป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกัน
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 564 ล้านบาท ลดลง 32% YoY แต่เพิ่มขึ้น 112% QoQ (ตามปัจจัยฤดูกาล) เราคาดการจัดเก็บเงินสดในไตรมาสนี้อยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY และ 30% QoQ หนุนโดยปริมาณหนี้ที่เพิ่มขึ้นและกำไรจากทรัพย์สินรอการขายที่สูงขึ้น เราคาดกำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายอยู่ที่ 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% YoY และ 84% QoQ เนื่องจาก BAM น่าจะปิดการขายทรัพย์สินขนาดกลางได้หนึ่งรายการที่ ประมาณ 200 ล้านบาทในระหว่างไตรมาส กําไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 700 ล้านบาท ลดลง 37% YoY แต่เพิ่มขึ้น 24% QoQ หากประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่เราปรับลดเมื่อเร็วๆ นี้ถูกต้อง กําไรในครึ่งแรกของปี 2556 จะคิดเป็นเพียง 29% ของประมาณการทั้งปีก่อนหน้าของเราที่ 2.9 พันล้านบาท
ชื้อหนี้ใหม่มูลค่า 7 พันล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2666
เราคาดว่า BAM จะใช้เงินจำนวน 4.5 พันล้านบาทเพื่อซื้อหนี้ใหม่ในช่วงไตรมาส 2/66 ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการซื้อหนี้ในครึ่งแรกของปี 2566 อยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท หนี้ใหม่มีแนวโน้มที่จะใช้เวลา 4-5 ปีในการรับรู้เป็นกำไรของ BAM เนื่องจากหนี้เสียจากสินเชื่อบ้านมักใช้เวลานานในการชำาระหนี้ (การดำเนินคดียึดสังหาริมทรัพย์ในศาลมักใช้เวลาหลายปี)
เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2566-68
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลง 14% มาอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท (ลดลง 10% YoY) ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดอยู่ 16% ปัจจุบันคาดการณ์กำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม เราคาดกําไรจากการทรัพย์สินรอการขายจะสูงขึ้น เนื่องจากเราคาดว่า BAM จะผลักดันการขายทรัพย์สินรอการขายที่พร้อมขายอยู่แล้วในครึ่งหลังของปี 2566 ทั้งนี้ เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ลง 15% มาอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7% YoY)
ในไตรมาส 3/66 เราประมาณการกำไรที่ 715 ล้านบาท ทรงตัว YoY แต่เพิ่มขึ้น 27% QoQ (การจัดเก็บเงินสดที่สูงขึ้น QoQ ทรงตัว YoY) นอกจากนี้ เรายังคาดกําไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้จะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/66 เนื่องจาก BAM กำลังเจรจาการขายหนี้เสียขนาดกลางที่ประมาณ 200 ล้านบาท และหนี้เสียขนาดใหญ่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท โดยคาดว่าจะปิดดีลทั้งสองได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566
ราคาหุ้น?
PER ปี 2566 ของ BAM อยู่ที่ 14 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีอยู่ 0.6 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) PBV ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 0.8 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีอยู่ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เราคาดกำไรสุทธิพื้นฐานอย่างน้อย 1.5 พันล้านบาท/ปี ซึ่งห่างไกลจากขาดทุนสุทธิ และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างน้อย 3% ทั้งนี้ หลังจากที่กำไรต่ำกว่าคาดหลายครั้ง เรามองว่าราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี 20% นั้นสมเหตุสมผล ภายใต้การประเมินมูลค่าตามสินทรัพย์ (แทนที่จะใช้วิธีอิงตามกำไร) มูลค่าปัจจุบันของ BAM นั้นอยู่ในระดับราคาไม่แพง แต่เรายังรอสัญญาณการฟื้นตัวของกำไรก่อนปรับเพิ่มคำแนะนำ ดังนั้น ปัจจุบันเรายังคง คําแนะนํา “ถือ”