I2 เทรดวันแรกมั่นใจ นลท.ต้อนรับอบอุ่น ชูจุดเด่นหุ้นเทคฯ ไฮบริดอนาคตไกล ประกาศข่าวดี! คว้างานใหญ่จาก กฟภ. มูลค่ารวม 1,541 ลบ.
บมจ.ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ (I2) หุ้นไอพีโอน้องใหม่ มั่นใจเทรดวันแรก 8 ส.ค.นี้ จะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากนักลงทุน ชูจุดเด่นหุ้นเทคโนโลยีไฮบริดที่มีโอกาสโตแรง-ปันผลสูงในอนาคตพร้อมเติบโตไปกับ S Curve ของประเทศ มุ่งสู่ “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น” ด้านซีอีโอ “อธิพร ลิ่มเจริญ” เตรียมนำเงินระดมทุนเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับรองรับโครงการขนาดใหญ่ให้ลูกค้า นำไปลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ขยายฐานรายได้ พร้อมเพิ่มสัดส่วน Recurring Income หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต ลั่นพร้อมมุ่งสู่ธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง อาทิ ธุรกิจด้านพลังงาน จับมือพันธมิตร MFEC โตไปด้วยกัน พร้อมประกาศข่าวดี! คว้างานใหม่เพิ่ม 1,541 ลบ. หนุนผลประกอบการโตแรง!
นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) (I2) มั่นใจว่าหุ้น I2 ที่จะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก ในวันที่ 8 สิงหาคม 2566จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และจากประสบการณ์ของทีมผู้บริหารที่คร่ำหวอดในวงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มากกว่า 17 ปี
ทั้งนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจ เนื่องจาก I2 เป็นบริษัทที่อยู่ในธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและการกลับมาของงานภาครัฐ ประกอบกับประเภทธุรกิจและความไว้วางใจของกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้บริษัทมีโอกาสได้รับงานที่เข้าร่วมประมูลกับทางภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจค่อนข้างสูง
“มั่นใจว่า I2 เข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากนักลงทุน เนื่องจาก I2 มีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยหลังได้รับเงินระดมทุน IPO จะทำให้บริษัทฯมีการเติบโตอย่างโดดเด่นและต่อเนื่อง แม้ว่าสภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงนี้จะมีความผันผวนก็ตาม แต่จากจุดเด่นของบริษัทไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของศักยภาพการดำเนินโครงการโดยทีมผู้บริหารและพนักงานที่มีประสบการณ์คร่ำหวอดในธุรกิจดังกล่าว การได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า มีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงโอกาสที่จะได้รับงานขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต จึงมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุนของนักลงทุน” นายพายุพัด กล่าว
นางสาวมนวลัย รัชตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน มั่นใจว่าหุ้น I2 จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังเข้าระดมทุนตลาดหุ้น อีกทั้ง ราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ราคา 2.70 บาท/หุ้น ถือเป็นราคาที่เหมาะสม และมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% สร้างความน่าสนใจให้กับ I2 ได้อีกด้วย
“เชื่อมั่นว่าหุ้น I2 จะเป็นอีกหุ้น Growth Stock ที่น่าจับตามอง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเกือบ 100% เป็นภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ทำให้เห็นถึงความมั่นคงของฐานรายได้ที่จะทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สามารถแตกแขนงการให้บริการออกไปได้อีกหลากหลายช่องทาง สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตและงานในมือที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกจากสิ้นไตรมาส 1/66 มีมูลค่า 961.25 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้รายได้ในระยะยาว ดังนั้นจึงมั่นใจว่า I2 จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก” นางสาวมนวลัย กล่าว
ด้านนายอธิพร ลิ่มเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) (I2) เชื่อว่าหุ้น I2 จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และจากความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านรวมถึงประสบการณ์การทำงานของทีมผู้บริหารที่ทำงานด้านเทคโนโลยีมาอย่างยาวนาน จะช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนให้ธุรกิจมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) (MFEC) ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีต่อกันมายาวนาน และภายหลังการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้กลุ่ม MFEC จะยังคงรักษาสัดส่วนการถือหุ้นที่ 15% เท่าเดิม จากการให้บริษัท ซินเนอร์ยี่ กรุ๊ป เวนเจอร์ส จำกัด (SGV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ MFEC ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นบนกระดานซื้อขายรายใหญ่ (Big lot) ในราคาไอพีโอในวันแรกของการเข้าซื้อขาย
“การเป็น Strategic Partner กับ MFEC ช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงานขนาดใหญ่ได้มากขึ้น เนื่องจาก MFEC มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มงานเอกชน ส่วน I2 มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มงานภาครัฐและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งต่อไปในอนาคต เชื่อมั่นว่า MFEC จะเป็นจิ๊กซอร์ชิ้นสำคัญที่เข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัท โดยเราสามารถศึกษาและรับองค์ความรู้จากความเชี่ยวชาญที่ MFEC มีและพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน ทั้งนี้กลุ่ม MFEC ได้แสดงเจตนารมณ์ว่าการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในครั้งนี้เป็นการลงทุนในระยะยาว ไม่มีแผนขายหุ้นออกเพื่อทำกำไรในเร็วๆ นี้ และวางแผนที่จะซินเนอร์ยี่ร่วมกันต่อไปในอนาคต”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร I2 กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา กิจการค้าร่วมไอทูวาร์ ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้า ระหว่าง บมจ.ไอ ทู เอ็นเตอร์ไพรซ์ กับ บริษัท วี เอ อาร์ เอส จำกัด ได้เข้าร่วมในพิธีลงนามสัญญาโครงการซื้อขายพร้อมติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System : BESS) บนพื้นที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี กับ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือแห่งแรกของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่ง BESS หรือ เทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ จะช่วยลดความผันผวนในระบบไฟฟ้าที่มาจากพลังงานหมุนเวียนทั้งพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตไฟฟ้าได้เป็นบางช่วงเวลา แบตเตอรี่นี้จะทำหน้าที่กักเก็บสะสมพลังงานส่วนเกินจากระบบส่ง เพื่อนำไฟฟ้ามาจ่ายในช่วงเวลาที่ต้องการได้ โดยมีมูลค่าโครงการรวม 1,541.28 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)