บล.ไอร่า: 09/08/66

วันนี้คาดตลาด “อ่อนตัวลงต่อ”

แนวรับ 1,515 / 1,507 แนวต้าน 1,525 / 1,535 คาดได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศ ขณะที่ตัวเลข CPI และ PPI จีน ออกมาสะท้อนภาวะเงินฝืด คาดจะกระตุ้นแนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของจีนได้

Our View? “ซึมเศร้าเหงาใจ”

คาดตลาดวันนี้ “อ่อนตัวลงต่อ” มองแนวรับที่บริเวณ 1,515 / 1,507 และแนวต้านที่บริเวณ 1,525 / 1,535 คาดตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงลบจากตลาดต่างประเทศ หลัง Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ 10 ธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กลง 1 ขั้น และจะปรับทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐอีก 6 ธนาคาร จากการที่ภาคธนาคารของสหรัฐมีความเสี่ยงจากการเผชิญต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และตัวเลขเงินฝากที่ลดลง บ่งชี้ความกังวลเสถียรภาพของบริษัทจัดอันดับใหญ่ของสหรัฐที่มีต่อภาคธุรกิจการเงิน ส่งผลให้ดัชนี VIX Index ซึ่งสะท้อนภาคความผันผวน-กังวลของตลาดปรับตัวขึ้นพยายามทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นที่ระดับ 18.1+/- อีกครั้ง ก่อนจะย่อตัวลงที่ระดับราว 16.0+/- มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้างในระยะสั้น ทั้งนี้เรายังคาดตลาดยังรอติดตามการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ค. ของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ คาดจะออกมาที่ระดับ +0.2%MoM/ +3.3% YoY ขณะที่ตัวเลข Core CPI อยู่ที่ระดับ +0.2%MoM/+4.7%YoY ถือว่ายังอยู่ในระดับที่สูงและถือเป็นการชะลอตัวลงที่ค่อนข้างช้า คาดอาจจะส่งผลให้ ตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ในระยะถัดไป

ขณะที่การรายงานตัวส่งออก-นำเข้าของจีนออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ -14.5% และ -12.4% ตามลำดับ บ่งชี้การส่งออกของจีนที่ยังหดตัวต่อเนื่อง และตัวเลขนำเข้าที่อ่อนแอลงอย่างมากสะท้อนถึงกำลังชื้อในจีนที่อ่อนแอเช่นกัน เช้านี้สำนักงานเศรษฐกิจแห่งชาติจีน (NBS) รายงานตัวเลข CPI และ PPI เดือน ก.ค. ออกมาที่ระดับ -0.3% และ -4.4% ตามลำดับ สะท้อนถึงภาวะเงินฝืดของจีนคาดอาจกดดันทิศทางตลาดในภูมิภาคได้บ้างในระยะสั้น แต่เรามองจะเป็นปัจจัยกระตุ้นคาดการณ์ถึงแนวโน้มที่รัฐบาล-หน่วยงานต่างๆ ของจีนจะเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อาทิ มาตรการกระตุ้นการบริโภคและมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ หรือการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบผ่านธนาคารกลางจีน (PBOC) คาดจะเป็นปัจจัยหนุนทิศทางตลาดในภูมิภาคได้ในระยะถัดไป

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI. ล่วงหน้าส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนนี้แกว่งตัวผันผวนก่อนดึงกลับมาปิดที่ระดับ 82.92 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.98 ดอลลาร์ (+1.20%) แม้ในช่วงแรกจะเผชิญแรงกดดันจากการรายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้าจีนอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม เรายังมองแนวโน้มอุปทานน้ำมันยังตึงตัวจากกลุ่ม OPEC+ มีมติที่จะลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นปี 67 ขณะที่ซาอุดิอาระเบียขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/วัน แบบสมัครใจต่อไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. พร้อมทั้งรัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 3 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน ก.ย. ยังเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่ ขณะที่หากพิจารณาในด้านอุปสงค์ก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกเช่นกันจาก 1) เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งและคาดจะไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามคาดการณ์ก่อนหน้าของตลาด 2) แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของ FED คาดจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบฟื้นตัวได้มากขึ้น รวมทั้งยังกดดันทิศทางดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคาน้ำมัน 3) แนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในด้านการลงทุนและการบริโภคของจีน หนุนแนวโน้มการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มเติม คาดจะหนุนทิศทางน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้ต่อในระยะกลาง

สําหรับปัจจัยภายในประเทศเรายังมองปัจจัยทางการเมืองที่ยืดเยื้อออกไปต่อเนื่องเป็น Overhang กดดันตลาดได้อยู่ แม้เราจะคาดว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แต่เราคาดว่าการจัดทํางบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้าออกไปมาก คาดจะไม่ทันปีงบประมาณ 67 ในเดือน ต.ค. และส่งผลให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนล่าช้าออกไป เป็นปัจจัยลบต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและรับเหมา-ก่อสร้าง รวมทั้งยังส่งผลให้ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีหน้ามีโอกาสปรับลดลงได้ อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงลบจากการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ค. ออกมาที่ระดับเพียง +0.38% YoY -0.01%MoM ปรับตัวลงต่อเนื่องและต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยอ่อนแอ คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มค้าปลีกได้