บล.บัวหลวง:
Star Petroleum Refining (SPRC TB/SPRC.BK)
SPRC – ขาดทุนไตรมาส 2/66 เป็นไปตามคาด; เล่นรับช่วงไฮซีซั่นของก๊าซโซลีน
เป็นไปตามคาด
SPRC รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 2,104 ล้านบาท พลิกกลับจากกําไรสุทธิในไตรมาส 2/65 และ ไตรมาส 1/66 หากไม่รวมขาดทุนจากสินค้าคงคลัง 1,397 ล้านบาท, ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 633 ล้านบาท, และกําไรจากตราสารอนุพันธ์ 499 ล้านบาท ขาดทุนหลักจะอยู่ที่ 980 ล้านบาท พลิกกลับจากกำไรหลักในไตรมาส 2/65 และไตรมาส 1/66 ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปรับตัวลดลง ได้แก่ 1) อัตราการใช้กําลังการกลั่นที่ปรับตัวลดลง QoQ, 2) ค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลง YoY และ QoQ, 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 0.6% จาก 0.4% ในไตรมาส 2/65, และ 4) ดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น อัตราการใช้กำลังการกลั่นของ SPRC ในไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 1.59 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 2% YoY (อุปสงค์ ที่เพิ่มขึ้น) แต่ลดลง 2% QoQ (optimization) ในขณะที่ค่าการกลั่นอยู่ที่ 1.3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 93% YoY และ 79% QoQ (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง)
แนวโน้ม
กําไรหลักไตรมาส 3/66 ของ SPRC มีแนวโน้มลดลง YoY ซึ่งถูกกดดันโดยค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลง เราคาดว่าค่าการกลั่นจะลดลง YoY จากฐานที่สูงในไตรมาส 3/65 อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น QoQ หนุนโดยอุปสงค์ในวงกว้างที่ปรับตัวดีขึ้นและช่วงไฮซีซั่นของอุปสงค์ก๊าซโซลีนและอุปทานที่ตึงตัว (เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นและระดับสินค้าคงคลังที่ลดลง) ต้นทุนน้ำมันดิบ (Crude Premium) มีแนวโน้มทรงตัว QoQ จาก แนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 จะพลิกกลับ QoQ จากขาดทุนเป็นกำไร
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
ถึงแม้ว่า SPRC จะรายงานขาดทุนสุทธิ 886 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2566 แต่เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 126 ล้านบาทไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากเราคาดว่ากําไรในครึ่งหลังของปี 2566 ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก HoH
คําแนะนํา
ในฐานะผู้ดำเนินการโรงกลั่นที่ผลิตก๊าซโซลีนมากที่สุด SPRC จะเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้คาดการณ์ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ จะหนุน ราคาหุ้นต่อไป นอกจากนี้มูลค่าหุ้นปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยซื้อ ขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2566 ที่ 1.0 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.4 เท่าอยู่ 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร