เล็งปิดดีลโรงไฟฟ้าแถบ CLMV+T อีก 1-2 แห่ง สร้างผลงานปีนี้เข้าโหมดเทิร์นอะราวด์

UPA กางแผนครึ่งปีหลังเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าต่อเนื่อง เล็งเจรจา – ปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในแถบประเทศ CLMV+T อีก 1-2 แห่งในปีนี้ ฟาก “ กวิน เฉลิมโรจน์ ” ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุแนวโน้มผลงานปี 64 สดใส ธุรกิจโรงไฟฟ้าดาวเด่นสร้างรายได้หลัก จากโครงการในมือกำลังผลิตรวมกว่า 60 เมกะวัตต์ ขณะที่โครงการผลิตน้ำประปาในสปป.ลาว สร้างรายได้เพิ่มผลักดันอนาคตโตแกร่ง เข้าโหมดเทิร์นอะราวด์

นายกวิน เฉลิมโรจน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้า ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายได้ และกำไรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV เนื่องจาก ยังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสการลงทุนในอนาคต โดยปัจจุบัน บริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอีก1-2 แห่งในประเทศแถบภูมิภาค CLMV+T โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้

 

“ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทฯมั่นใจว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจจะมีทิศทางที่ดีขึ้น รายได้หลักคงมาจากโครงการโรงไฟฟ้า บริษัทมีงานที่จะรับรู้รายได้ โครงการโรงไฟฟ้าในมือที่มีกำลังการผลิตรวมกว่า 60 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม Song Luy 1 Solar Power ขนาดกำลังผลิต 46.78 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม ซึ่งทยอยขายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่ปลายปี2563 โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์สหกรณ์ในประเทศ 12.95 เมกะวัตต์ รวมทั้งโครงการผลิตน้ำประปาในสปป.ลาว และธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตปีนี้ได้เป็นอย่างดี และน่าจะทำให้ UPA เข้าสู่โหมดเทิร์นอะราวด์ได้อย่างชัดเจน ”

อนึ่งผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2/2564 กลุ่มบริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 78.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 65.31 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 510.23% ขณะที่กำไรขั้นต้นไตรมาสที่ 2 ปี 2564 กลุ่มบริษัทฯมีกำไรขั้นต้นจำนวน 50.40 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 64.52% ของยอดขาย เกิดจากรายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัทและบริษัทย่อยในประเทศรวม 4 โครงการและในต่างประเทศ 1 โครงการ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น จำนวน 43.46 ล้านบาท หรือมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 626.22%

- Advertisement -