บล.บัวหลวง:
Bangchak Corporation (BCP TB/BCP.BK)
BCP – กำไรไตรมาส 2/66 สูงกว่าคาด; คาดกำไร ไตรมาส 3/66 เติบโต QoQ
สูงกว่าคาด
BCP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 458 ล้านบาท ลดลง 91% YoY และ 83% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 1,622 ล้านบาท ลดลง 79% YoY และ 51% QoQ ผลประกอบการสูงกว่าที่เราและตลาดคาดที่ 350 ล้านบาท เนื่องจากรายได้อื่นๆมากกว่าคาด
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
ปัจจัยหลักที่กดดันกำไรหลักให้ปรับตัวลดลง ได้แก่ 1) กําไรจากธุรกิจโรงกลั่นที่ลดลง, 2) กำไรจากธุรกิจค้าปลีกน้ำมันที่ลดลง, 3) กำไรจากธุรกิจไฟฟ้าที่ลดลง, 4) กำไรจากธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง, และ 5) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.1% จาก 2.5% ในไตรมาส 2/65 และ 2.3% ในไตรมาส 1/66
อัตราการใช้กำลังการกลั่นอยู่ที่ 1.19 แสนบาร์เรลต่อวัน ลดลง 3% YoY และ 5% QoQ (optimization) ในขณะที่ค่าการกลั่นตลาด (market GRM) อยู่ที่ 4.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 81% YoY และ 59% QoQ (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลง) ปริมาณขายของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันอยู่ ที่ 1,577 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 7% YoY แต่ลดลง 2% QoQ ในขณะที่ค่าการตลาดอยู่ที่ 0.93 บาทต่อลิตร ลดลง 13% YoY (ทรงตัว QoQ) ในขณะ ที่ EBITDA ของธุรกิจไฟฟ้าอยู่ที่ 989 ล้านบาท ลดลง 11% YoY แต่เพิ่มขึ้น 16% QoQ ขณะที่ EBITDA ของธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพอยู่ที่ 138 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% YoY และ 29% QoQ และ EBITDA ของธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติอยู่ที่ 3,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY (ปริมาณขายที่ เพิ่มขึ้น) แต่ลดลง 32% QoQ (ปริมาณขายที่ลดลงและราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง)
แนวโน้ม
กําไรหลักของ BCP ในโตรมาส 3/66 มีแนวโน้มลดลง YoY เนื่องจากกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลง แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น QoQ หนุนโดยกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นที่เพิ่มขึ้น
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
กําไรสุทธิใน 6 เดือนแรกของปี 2566 จะคิดเป็น 47% ของประมาณการกำไรปี 2566 ของเราที่ 6,862 ล้านบาท เรายังคงประมาณการไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
คําแนะนํา
คาดการณ์กําไรที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ ในไตรมาส 3/66 และมุมมองเชิงบวกของตลาดต่อโอกาสเติบโตจากธุรกิจปัจจุบันและธุรกิจใหม่คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ ราคาหุ้นปัจจุบันซึ่งซื้อขายที่ PBV ปี 2556 ที่ 0.5 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนระยะยาวที่ 1.0 เท่า อยู่ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) น่าจะช่วยจํากัดความเสี่ยงขาลงของราคาหุ้น