บล.ฟิลลิป:
PTTGC : 2Q ขาดทุน 5,591 ลบ. ขาดทุนมากกว่าคาดประมาณ 10% โดยหลักจากค่าการกลั่นที่ลดลง (ที่มา : Analyst Meeting, 10/08/66)
- ไตรมาส 2 ขาดทุนหลักจากโรงกลั่นตามค่าการกลั่น สอดคล้องกับโรงกลั่นอื่นๆ โดยคาดครึ่งปีหลังธุรกิจโรงกลั่นจะกลับมากำไร ด้านปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะจากส่วนต่างราคา Phenol ด้านธุรกิจโพลิเมอร์ส่วนต่าง HDPE ทรงตัวได้ใกล้เคียง 1Q66
- มุมมองสำหรับ Market Outlook ผลิตภัณฑ์ที่จะหนุนการใช้พลาสติกสูงขึ้น
- กลุ่ม Automotive แนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสัดส่วนการขายรถ EV ที่เพิ่มขึ้น จะหนุนการใช้พลาสติกเพราะรถยนต์ไฟฟ้าต้องการน้ำหนักที่เบา ใช้พลาสติกมากกว่ารถธรรมดา 10-15%
- กลุ่ม Textile ปลายปีนี้ถึงกลางปีหน้าการท่องเที่ยวน่าจะกลับมาหนุนอุตสาหกรรม Textile ให้ขยายตัว
- กลุ่ม Packaging & Film ถือเป็นกลุ่มที่เติบโตตามเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ Packaging ที่เป็นแบบ Recycle ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกและยังได้รับการสนับสนุนอยู่
- กลุ่ม Construction, Household & Pipe เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างได้รับผลกระทบจากภาวะอัตราดอกเบี้ยขอขึ้น เนื่องจากต้นทุนในการทำโครงการต่างๆจะสูงขึ้น
- กลยุทธ์ปัจจุบันและอนาคต
- ปี 2566-67 ถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านและปรับปรุงธุรกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากธุรกิจยังไม่ฟื้นตัว
- ปี 2568-73 ขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ เนื่องจากธุรกิจปิโตรเคมีดั่งเดิมค่อนข้างอิ่มตัว และอุปทานจากจีนมีมากและสร้างโรงงานได้เร็วมากขึ้นเพียง 2-3 ปี โดยเน้นการเติบโตในธุรกิจ Specialty Chemical ซึ่งมีมาร์จิ้นมากกว่า
- ทางฝ่ายมองว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันจะยังเติบโตได้ในอนาคต แต่ระยะสั้น 6-12 เดือนข้างหน้า การเติบโตจะค่อนข้างช้า และจะยังขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของจีนเป็นสำคัญ (Consensus TP’66 : 43.35)