บล.บัวหลวง:
Ngern Tid Lor (TIDLOR TB/TIDLOR.BK)
TIDLOR – กำไรเป็นไปตามที่เราคาด
ผลประกอบการตรงกับที่เราและตลาดคาด
TIDLOR รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 927 ล้านบาท ลดลง 6% YoY และ 3% QoQ ซึ่งตรงกับที่เราและตลาดคาด โดยกำไรก่อนการตั้งสำรองอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท เติบโต 22% YoY และทรงตัว QoQ ทั้งนี้กำไรครึ่งแรกของปี 2566 คิดเป็น 50% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 3.7 พันล้านบาท
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
กำไรที่ลดลงทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากการตั้งสำรองฯที่เพิ่มขึ้น อัตราการตั้งสำรองในไตรมาสนี้อยู่ที่ 3.15% เพิ่มขึ้น 148bps YoY และ 6bps QoQ สัดส่วนหนี้สินด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้นจาก 1.50% ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2566 มาอยู่ที่ 1.54% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสียของ TIDLOR ลดลงจาก 269.7% ณ สิ้นเดือน มี.ค. มาอยู่ที่ 266.0% ณ สิ้น เดือน มิ.ย. ยังคงสูงที่สุดในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียน โดย NIM ไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 14.8% ลดลง 34bps YoY (ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น) แต่เพิ่มขึ้น 12bps QoQ (ผลตอบแทนเฉลี่ยสินเชื่อที่สูงขึ้น) ปัจจัยดังกล่าวกลบสินเชื่อที่เติบโต 23% YoY และ 5% QoQ ในไตรมาส 2/66 รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 786 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 25% YoY และ 1% QoQ ส่วนใหญ่มาจากค่าคอมมิชชั่นการขายประกัน
แนวโน้ม
เราประมาณการกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 947 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 2% QoQ หนุนโดยสินเชื่อขยายตัว 20% YoY และ 4% QoQ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 3.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY คาดการณ์สินเชื่อเติบโตในปีนี้ที่ 18% YoY ซึ่งจะกลบผลกระทบของการตั้งสํารองฯที่สูงขึ้น
คําแนะนํา
ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง 21% ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. จากความกังวลต่อสัดส่วนหนี้สินด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่เพิ่มขึ้นของ TIDLOR แต่เรามองว่าสัดส่วนหนี้สินด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย จนถึงจุดพีคในไตรมาส 3/66 หรือต้นไตรมาส 4/66 ไม่ว่าในกรณีใด TIDLOR ยังมีอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสียสูงถึง 266% ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มคําแนะนําจาก ถือ เป็น ซื้อ