บล.ไอร่า: 11/08/66

วันนี้คาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,520 / 1,507 แนวต้าน 1,540 / 1,545 ตัวเลข CPI ของสหรัฐเมื่อคืนออกมาใกล้เคียงที่ตลาดคาด   หากพิจารณาใส้ในเงินเฟ้อภาคบริการยังไม่ลดลง/น้ำมันย่อตัวลงบ้าง กระตุ้นแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน

Our View? “ยังตึงตัว”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,520 / 1,507 และแนวต้านที่บริเวณ 1,540 / 1,545 เมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขขอผู้ยื่นรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาอยู่ที่ระดับ 2.48 แสนรายสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ 2.30 แสนราย บ่งชี้ถึงแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐที่เริ่มลดความร้อนแรงลงแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตามตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Claims) ลดลงสู่ระดับ 1.68 ล้านราย สะท้อนถึงตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง ขณะที่ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ค. ของสหรัฐ ออกมาที่ระดับ +3.2%YoY/+0.2%MoM ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย ในส่วนของตัวเลข Core CPI เดือน ก.ค. ออกมาที่ระดับ +4.7%YoY/+0.2%MoM ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด เรามองยังเป็นตัวเลขที่ถือว่ายังอยู่ในระดับที่สูงและปรับตัวลดลงค่อนข้างช้า รวมทั้งตัวเลขเงินเฟ้อในส่วนของภาคบริการเดือน ก.ค. ไม่รับตัวลงอยู่ที่ระดับ 3.5% คาดจะเป็นปัจจัยให้ตลาดอาจเริ่มกลับมากังวลแนวโน้มการใช้นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในระยะถัดไปได้บ้าง โดยเราประเมินว่าหากสถานการณ์เงินเฟ้อยังอยู่ในลักษณะนี้คาด FED จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเร็วเท่าใดนัก และอาจคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่ตลาดคาด ทางด้านการ เคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) ปรับตัวค่อนข้างผันผวนอ่อนตัวลงก่อนกลับมาปิดที่ระดับ 102.6+/- พร้อมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Bond Yield) รุ่นอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นแรงปิดที่ ระดับ 4.11%+/- บ่งชี้ตลาดกลับมารับความเสี่ยงได้น้อยลงอีกครั้ง Risk-off คาดอาจเป็นปัจจัยกดดัน-จํากัด Upside ของตลาดได้บ้าง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบ WTI. ล่วงหน้าส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนนี้เริ่มชะลอกำลังลงบ้างปิดที่ระดับ 82.82 ดอลลาร์/บาร์เรล -1.58 ดอลลาร์ (-1.87%) เผชิญแรงขายทำกำไรบ้าง หลังปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนที่อ่อนแอผ่าน CPI และ PPI ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนเข้าสู่ภาวะเงินฝืดกระตุ้นแรงขายทำกำไรดังกล่าว อย่างไรก็ดีเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางราคาพลังงานในระยะกลางจากอุปทานน้ำมันดิบที่ตึงตัวโดยกลุ่ม OPEC+ มีมติที่จะลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นปี’67 ขณะที่ซาอุดิอาระเบียขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/วัน แบบสมัครใจต่อไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. พร้อมทั้งรัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 3 แสนบาร์เรล/วัน ในเดือน ก.ย. รวมทั้งอุปสงค์ก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นจาก 1) เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งและคาดจะไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามคาดการณ์ก่อนหน้าของตลาด 2) แนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของ FED คาดจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบพื้นตัวได้มากขึ้นรวมทั้งยังกดดันทิศทางดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคาน้ำมัน 3) แนวโน้มการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในด้านการลงทุนและการบริโภคของจีนหนุนแนวโน้มการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มเติม คาดจะหนุนทิศทางน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP และ SPRC) ปรับตัวขึ้นได้ต่อในระยะกลาง

สําหรับปัจจัยภายในประเทศ เรามีมุมมองเป็นกลางต่อการที่ ธปท. ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มของการคุมเข้มนโยบายดอกเบี้ยต่อไป โดยการปรับใช้นโยบายทางการเงินของ กนง. ในระยะถัดไปคาดยังไม่มีโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม คาดจะมีการปรับลดเป้าหมาย GDP’66 ลงจากที่คาดไว้ราว 3.6-3.7% จากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงส่งผลต่อภาคส่งออก แต่คาดว่าจะไม่ต่ำกว่าระดับ 3.0% ทั้งนี้เรายังมองปัจจัยทางการเมืองที่ยืดเยื้อออกไปต่อเนื่องเป็น Overhang กดดันตลาดได้อยู่ ขณะที่สมการในการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เป็นที่ชัดเจนพร้อมทั้งยังไม่สามารถรวมเสียงได้เกิน 250 เสียง คาดจะเป็นปัจจัยกดดันทิศทางตลาดได้อยู่ อีกทั้งแม้เราจะคาดว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แต่เราคาดว่าการจัดทํางบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้าออกไปมาก คาดจะไม่ทันปีงบประมาณ 67 ในเดือน ต.ค. และส่งผลให้การออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนล่าช้าออกไปเป็นปัจจัยลบต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีกและรับเหมา- ก่อสร้าง