บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Banpu Power (BPP.BK/BPP TB)*
ผลประกอบการ 2Q66: กำไรดีเกินคาด
Event
ผลประกอบการ 2Q66 และแนวโน้ม
Impact
ผลประกอบการ 2Q66 – ดีกว่าประมาณการของเรา 21%
กำไรสุทธิ BPP ใน 2Q66 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท (-37% QoQ, +95% YoY) ดีกว่าเราและตลาดคาด เพราะ กำไรจากอนุพันธ์สูงกว่าที่คาดเอาไว้ กำไรที่ลดลง QoQ ไม่มีการบันทึกกำไรพิเศษ 1.3 พันล้านบาท จากการปรับมูลค่าของ Durapower เหมือนกับใน 1Q66 แต่หากไม่รวมกำไร 184 ล้านบาท สุทธิจากตราสารอนุพันธ์ และ FX กำไรหลักจะอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท (+44% QoQ, +37% YoY) ทำให้กำไรหลัก 1H66 อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท (+82% YoY) คิดเป็น 52% ของประมาณการกำไรปี 2566F ของเรา
ผลการดำเนินงานของโครงการส่วนใหญ่ดีขึ้น
กำไรที่พุ่งขึ้น QoQ เพราะ i) high season ของโครงการ Temple I (มิถุนายน-กันยายน) ii) BLCP กลับมา เปิดดำเนินการอีกครั้ง และ iii) ได้ค่าชดเชยโครงการ Nakoso ทั้งนี้ แม้ว่า Temple I จะปิดซ่อมบำรุงตามแผนนาน 24 วัน แต่ผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่งขึ้น QoQ จากการบริหารจัดการต้นทุน และได้แรงหนุนจากคลื่นความร้อน (Heatwave) ที่เกิดขึ้นทั่วไปในตอนใต้ของสหรัฐ ซึ่งทำให้อัตราค่าไฟฟ้าและปริมาณยอดขายไฟฟ้าขยับขึ้นทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งผลประกอบการ คือ low season ของโรงไฟฟ้าในจีน (CHPs และ SLG) ซึ่งทำให้ผลกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15 ล้านบาทเท่านั้น และส่งผลกำไรมาที่บริษัทเพียง 9 ล้านบาทใน 2Q66 (จาก 73 ล้านบาท และ 20 ล้านบาทใน 1Q66 ตามลำดับ) ส่วนกำไรที่เพิ่มขึ้น YoY เป็นเพราะผลการดำเนินงาน CHPs & SLG แข็งแกร่งขึ้น (ต้นทุนถ่านหินลดลง), ผลขาดทุนจาก Banpu NEXT ลดลง, และการเดินเครื่อง (run rate) BLCP ดีขึ้น แม้ว่ากำไรจะยังถูกฉุดโดยค่าใช้จ่าย SG&A และต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการซ่อมบำรุงรอบใหญ่นาน 1 ปีของโครงการ Nakoso
แนวโน้มเป็นอย่างไร…?
เราคงประมาณการกำไรปี 2566F ไว้เท่าเดิม โดยคาดว่ากำไรหลักในปี 2566F จะโต 35% YoY เพราะได้ อานิสงส์จากราคาถ่านหินที่ลดลง, คลื่นความร้อนในสหรัฐ และการเข้าซื้อ Temple II ในขณะเดียวกัน เราคาดว่ากำไรในปี 2567F จะกลับมาโตในระดับปกติที่ 9% YoY เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ BPP ใน 3Q66F จะลดลงทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากมีกำหนดปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า BLCP (Unit1 – 18 วัน) และหงสา (Unit1&2 – 22 วัน) ในขณะที่คาดว่าผลการดำเนินงานของ Nakoso จะอ่อนแอลงแม้จะเข้าสู่ช่วง high season ของ Temple I & II โดยจะมีการรับรู้ผลการดำเนินงานเกือบเต็มไตรมาสแล้วก็ตาม
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567F ที่ 15.50 บาท เรามองว่ากำไรรายไตรมาสผ่านจุดสูงสุดไปแล้วใน 2Q66 และคาดว่ากำไรจะแผ่วลงใน 2H66F สำหรับแนวโน้มระยะยาว เรามองว่าหุ้น BPP น่าจะ outperform ได้ยาก เพราะ ROE มีแนวโน้มจะต่ำ ท่ามกลางกระแส ESG ที่เร่งตัวขึ้น
Risks
การปิดโรงงานนอกแผน, ปัญหา cost overrun, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย