จากความหวังสู่ความกังวล / 1,525-1,545

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET แกว่งตัวออกด้านข้าง: โดยถูกกดดันจากการฟื้นตัวของศก.จีนมีที่ความเปราะบางมาก สอดรับกับยอดการปล่อยกู้ใน เดือนก.ค.ที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศของจีนอ่อนแอลงอย่างมากและอาจส่งผลให้ศก.เผชิญกับภาวะเงินฝืด กอปรกับตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนส่งสัญญาณว่าจะกลับมาเผชิญกับวิกฤตการณ์อีกครั้ง หลัง Country Garden ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน ได้ผิดนัดชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งครบกำหนดเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลไปทั่วโลก ขณะที่วันนี้ติดตามการรายงานตั่วเลขในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการว่างงานเดือนก.ค.ของจีน ซึ่งอาจบ่งชี้ให้เห็นถึงสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะศก.จีน อย่างไรก็ดี ทางลงของ SET Index ในวันนี้ คาดถูกจำกัดจากการรายงาน GDP2Q66 ของญี่ปุ่นที่ขยายตัวถึง 6.0% y-y สูงกว่าตลาดคาดและ 1Q66 ที่ขยายตัว 3.1% y-y และ 3.7% y-y ตามลำดับ ซึ่งคาดเป็น Sentiment ต่อตลาดหุ้นในภูมิภาค  รวมถึง SET Index ด้านปัจจัยการเมืองของไทยคาดเป็นอีกแรงหนุน โดยติดตามศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องมติรัฐสภา กรณีเสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรีซ้ำได้หรือไม่ในวันพรุ่งนี้ หากศาลรธน.ไม่รับคำร้องหรือไม่มีคำสั่งชะลอการโหวตนายกฯ จะส่งผลให้ประเทศไทยเข้าใกล้การได้รัฐบาลใหม่ สอดรับกับประธานรัฐสภาที่เผยว่าจะต้องรอดูคำพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญก่อนจะนัดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี และมีความเป็นไปได้ที่จะนัดประชุมวันที่ 18 ส.ค. หรือ 22 ส.ค.
  • กลยุทธ์การลงทุน: 1) การเมืองไทยเตรียมเดินหน้า: CK, GULF, KBANK, STEC, WHA 2) Spending+ท่องเที่ยว: BA, CENTEL, COM7, ERW, MINT, SAPPE 3) High season โรงพยาบาล: BCH, BDMS และ 4) หุ้นปันผล: ADVANC, SPALI

ปัจจัยบวก

  • นิกเกอิรายงานว่า ญี่ปุ่นวางแผนที่จะลดหย่อนภาษีสำหรับ แบตเตอรี่ EV และชิปเซมิคอนฯที่ผลิตในประเทศตั้งแต่เดือน เม.ย. 67 เพื่อยกระดับเสถียรภาพทางศก.
  • อังกฤษเผย GDP2Q66 ขยายตัว 0.2% q-q แกร่งกว่าตลาดคาด และ 1Q66 ที่ 0.0% q-q และ 0.1% q-q โดยได้แรงหนุนจากการบริโภคของภาคครัวเรือน
  • เฟดนิวยอร์กเผยผลสำรวจคาดการณ์เงินเฟ้อผู้บริโภคเดือนก.ค. โดยชาวอเมริกันคาดว่าในระยะเวลาอีก 1 ปีข้างหน้าเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 64
  • USDOT เผยว่าจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินโดยสารของจีนไป-กลับ สหรัฐฯ เป็น 18 เที่ยวต่อสัปดาห์ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ จาก 12 เที่ยวในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสัญญาณความร่วมมือที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก

ปัจจัยลบ

  • ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ค. อยู่ที่ระดับ 55.6 ปรับตัวลดลงจากเดือนมิ.ย. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 56.7 โดยเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 14 เดือน
  • ก.มหาดไทยปรับเกณฑ์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ มีสาระหลักเพิ่มเติม คือเป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ
  • Country Garden เผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงว่า บริษัทคาดว่าจะขาดทุนประมาณ 4.5 ถึง 5.5 หมื่นล้านหยวนในช่วง 1H66 นอกจากนี้ Moody’s ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ Country Garden โดยระบุถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และความเสี่ยงในการหาเงินมาชำระหนี้
  • PBOC เผยว่ายอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของธนาคารจีนในเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้นเพียง3,459 แสนล้านหยวนซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี

PICKS OF THE DAY

KBANK BUY

  • เป้าหมาย 131.00 / 136.00 แนวรับ 124.00/126.00
  • ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น: การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. คาดว่าจะทำให้ผลตอบแทนสินเชื่อของกลุ่มธนาคาร รวมไปถึง KBANK เพิ่มขึ้นได้ต่อ
    KBANK มักจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ: KBANK มักจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ หากการเมืองมีความชัดเจนและนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุน คาดว่าจะทำให้ KBANK เป็นธนาคารแรก ๆ ที่นักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุน

STEC BUY

  • เป้าหมาย 11.00 / 11.50 แนวรับ 10.20/10.50 
  • คาดรับ Sentiment บวก จากการ เมืองที่ชัดเจนขึ้น: โดยความคืบหน้าที่มีมากขึ้น หลัง พปชร. แถลงจะโหวตนายกจากพรรคเพื่อไทยให้ กอปรกับทางฝ่ายคาดศาล รธน. จะไม่เลื่อนวินิจฉัยกรณีโหวตนายกซ้ำ และจากนั้น จะมีการกำหนดวันโหวตเลือกนายกอีกรอบ ซึ่งหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ มีโอกาสตอบรับเชิงบวกหากความชัดเจนการเมืองที่มีมากขึ้น
  • คาด 2Q66 มีโอกาสเติบโต y-y: จากในปีนี้เป็นปีแรกของการไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้มีโอกาสรับรู้ร้อยละของงานก่อสร้างแล้วเสร็จราบรื่นขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมี Backlog ราว 1.1 แสนลบ. ยิ่งหากการเมืองไทยคืบหน้า จะยิ่งช่วยหนุนให้ปีนี้จะมีงานประมูลเพิ่มมากขึ้น
- Advertisement -