CHG ผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติแห่ใช้บริการ ดันรายได้ 1,798.6 ล้านบาท เติบโต 53% เดินหน้าขยายธุรกิจเต็มสูบ หนุนผลงานปีนี้ตามเป้า
CHG รายงานไตรมาส 2/66 มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 1,798.6 ล้านบาท เติบโต 53% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด–19 จากการขยายศักยภาพขยายการให้บริการ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท บอร์ดใจป้ำจ่ายเงินปันผล 0.02 บาท ขึ้น XD วันที่ 24 ส.ค. 2566 เป็นวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) พร้อมเดินเกมเชิงรุกครึ่งปีหลัง ดันภาพรวมทั้งปี 2566 เติบโตตามเป้า
นายแพทย์กำพล พลัสสินทร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 1,798.6 ล้านบาท ลดลง 35% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2ปี 2565 โดยมีรายได้ในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปลดลง 8% ซึ่งแยกออกเป็นรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) ลดลง 131.5 ล้านบาท แต่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้น 30 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้เกี่ยวเนื่องกับโรคโควิด-19 ลดลงอย่างมาก (การตรวจคัดกรองและบริการวัคซีนทางเลือก) และกลับเข้ามาใช้บริการในสถานพยาบาลของผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ
ขณะที่รายได้โครงการประกันสังคม ไตรมาส 2 ปี 2566 เพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาส 2 ปี 2565 เนื่องจากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้น การปรับอัตราการจ่ายสำหรับค่าเหมาหัว (มีผลในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566) การกลับมารักษาของผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูง ส่วนรายได้จากโครงการภาครัฐอื่นๆ ไตรมาส 2 ปี 2566 ลดลง 96% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับโรคโควิด-19 ลดลง รวมถึงมีผลกระทบด้านลบประมาณ 46 ล้านบาทจากผลต่างการรับชำระเงินในส่วนของรายได้ค้างรับจากการการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 น้อยกว่าที่ตั้งเบิก ขณะรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาท จากการรับจ้างบริหารงานให้กับโรงพยาบาลภาครัฐ
ดังนั้นในไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท ลดลง 77% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 ตามผลประกอบการของบริษัทฯ ที่ลดลง โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 46.24% เป็น 23.24% ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 31% เป็น 11% เมื่อเทียบกับไตรมาส2 ปี 2565 สืบเนื่องมาจากรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 ลดลงและการปรับลดรายได้ 46 ล้านบาท เนื่องจากผลต่างการรับชำระเงินในส่วนของรายได้ค้างรับจากการการรักษาผู้ป่วยโควิค-19 รวมถึงการเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่ส่งผลให้มีอัตราต้นทุนเพิ่มขึ้นจากค่าแรงและค่าเสื่อมราคาที่เริ่มรับรู้ในปลายไตรมาสนี้
อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 และไตรมาส 2 ปี 2562ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 โรงพยาบาลมีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลเติบโต 53% โดยรายได้จากผู้ป่วยทั่วไปเติบโต 60% รายได้โครงการประกันสังคมเติบโต63% ในขณะที่รายได้สปสช.ลดลง 55%
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 3,514.8 ล้านบาท ลดลง 45% เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนปี 2565 และมีกำไรสุทธิ 446.4 ล้านบาท ลดลง 80% เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือน ปี 2565 อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบผลประกอบปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลเติบโต 46% โดยรายได้จากผู้ป่วยทั่วไปเติบโต 52% รายได้โครงการประกันสังคมเติบโต 54% ในขณะที่รายได้สปสช.ลดลง 46%
นายแพทย์กำพล กล่าวว่า ไตรมาสที่ 2 ปี 2566 บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้ โดยบริษัทได้เปิดดำเนินการโรงพยาบาลจุฬารัตน์แม่สอด ให้บริการโรงพยาบาลจำนวน 59 เตียง ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในช่วงปลายไตรมาส 2 นอกจากนี้ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท กู๊ด เอสเตท จำกัด เพื่อเป็นการขยายการรองรับการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองหลังการรักษาผู้ป่วยหลังการผ่าตัด และให้บริการดูแลผู้สูงอายุทั้งระยะสั้นและระยะยาว
โดยภาพรวมทางการเงินของบริษัทฯ รายได้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สืบเนื่องจากรายได้เกี่ยวเนื่องกับโรควิด-19 แต่รายได้จากการประกอบกิจการเติบโตดีขึ้นจากการขยายศักยภาพขยายการให้บริการ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ทั้งนี้เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท โดยกำหนดให้ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) คือ วันที่ 25 ส.ค. 2566 รวมทั้งกำหนดให้วันที่ 24 ส.ค. 2566 เป็นวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 ก.ย. 2566
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2566 มีปริมาณการเข้าใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการขยายพื้นที่การให้บริการ รวมทั้งการเพิ่มศักยภาพในการรักษา การเพิ่มบุคลกรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ดังนั้นจึงมองว่าภาพรวมทั้งปี 2566 จะมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้