SMPC บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.21 บาทต่อหุ้น เชื่อ H2/66 ฟื้นตัวโตตามแผน ออเดอร์กลับมาแล้ว
SMPC ประเมินทิศทางครึ่งปีหลัง ธุรกิจฟื้นตัวโตตามแผน ออเดอร์ตลาดต่างประเทศกลับมาแล้ว มั่นใจออเดอร์โต 20% ตามแผน ลุยขายถังแก๊ส 7.5 ล้านใบ พร้อมวางกลยุทธ์ในการขาย เน้นการเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ถังมาร์จิ้นสูง เจาะตลาดในภูมิภาคที่หลากหลายเพิ่มขึ้น ล่าสุดบุ๊คงบไตรมาส 2/66 มียอดขายรวมอยู่ที่ 1,127.83 ลบ. กำไรสุทธิ 135.42ลบ.บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้น 0.21 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 8 ก.ย. 2566 นี้
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือSMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ปัจจุบันคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศทยอยกลับเข้ามามากขึ้น
“มองว่าครึ่งปีหลังยอดขายน่าจะทำได้ตามแผน โดยไตรมาส 3-ไตรมาส 4 ออเดอร์เริ่มทยอยกลับเข้าสู่สภาวะปกติ จาก Backlog ที่มีอยู่ออเดอร์บางรายยาวไปถึงปีหน้า และการเข้าประมูลงานใหม่เพิ่ม เป้าหมายยอดขายถังแก๊สน่าจะทำได้ 7.5 ล้านใบ แม้ช่วงครึ่งปีแรกจะทำได้เพียง 2.8 ล้านใบ ประกอบกับราคาเหล็กทรงตัวต่อเนื่องมา 2 ไตรมาสแล้ว ค่าเงินบาทปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมรับได้ ค่าขนส่งกลับสู่ภาวะปกติ และขณะนี้บริษัทได้ขอใบอนุญาตผลิตถังอลูมิเนียม เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนยอดขายทั้งปีให้เป็นไปตามแผน” นายสุรศักดิ์ กล่าว
โดยแผนธุรกิจในปี 66 บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายเติบโตราว 20% จากปีที่ผ่านมา โดยมีเป้ายอดขายถังแก๊สจำนวน 7.5 ล้านใบ เชื่อว่าจากสภาพภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวจะสนับสนุนให้ผลประกอบการดีขึ้น โดยการเติบโตจะมาจากทั้งถังขนาดใหญ่และถังขนาดเล็ก พร้อมขยายกำลังผลิตในส่วนของถังขนาดใหญ่และถังประเภทอื่นเพิ่มขึ้น ซึ่งยังมีความต้องการในตลาดอยู่อีกมาก และยังมีแผนบุกตลาดถังไฮแวลูเพิ่มขึ้นที่มีผู้ผลิตในตลาดน้อยราย จะส่งผลให้อัตรากำไรของบริษัทดีขึ้น
ผลประกอบการของบริษัทฯ งวดไตรมาส 2/2566 บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่ 1,127.83 ล้านบาท โดยยอดขายลดลง 267.85 ล้านบาท หรือ 19.2% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 1,395.68 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 135.42 ล้านบาท ลดลง 106.22 ล้านบาท หรือลดลง 44% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 241.64 ล้านบาท สาเหตุที่ยอดขายและกำไรลดลง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงทำให้มีการปรับราคาขายลดลงให้สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการหดตัวทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาสูง และสัดส่วนการขายถังเล็ก (0.5-4 ก.ก.) ซึ่งมีราคาต่ำกว่าถังขนาดกลาง (9-15 ก.ก.) เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ดีขึ้นมากนัก แต่บริษัทได้เร่งปรับนโยบายและกลยุทธ์ในการขาย โดยเน้นเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์ถังความดันต่ำประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม นอกจากถังแก๊สสำหรับใช้ตามครัวเรือนที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มอัตราการทำกำไร รวมทั้งเร่งเข้าไปทำตลาดในภูมิภาคที่หลากหลายเพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันคำสั่งซื้อเริ่มกลับเข้ามาเป็นปกติ
ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุน SMPC ด้วยดีเสมอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้น 0.21 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล (Record date) วันที่ 24 สิงหาคม 2566 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 8 กันยายน 2566