บล.ฟิลลิป:

เมืองไทย แคปปิตอล – MTC ผ่านจุดที่แย่ที่สุดมาแล้ว

Key Point

คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า NPL อาจจะยังเพิ่มขึ้นอยู่ และทำให้การตั้งสำรองจะยังคงสูงอยู่ใน 2H66 แต่การเพิ่มขึ้นของ NPL นั้นมีอัตรา การเพิ่มขึ้นที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และสินเชื่อที่คาดจะเติบโตต่อเนื่องตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 20% จะทำให้กำไร 2H66 เติบโตสูงกว่า 1H66 และชดเชยการตั้งสำรองที่สูงได้ ยังคงประมาณการกำไร และคงราคาพื้นฐาน 39.50 บาท อย่างไรก็ตามจากราคาหุ้น ในปัจจุบันอาจจะเหลือส่วนต่างไม่มากนัก จึงปรับลดคำแนะนำลงมาเป็น “ถือ”

คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น NPL ยังเพิ่ม แต่เพิ่มในอัตราที่ชะลอลง

ด้วยการเติบโตของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ MTC มี NPL เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยจาก 1.1% ใน 2Q64 เพิ่มมาเป็น 3.36% ใน 2Q66 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 9 ไตรมาสติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา NPL นอกจากเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของพอร์ตสินเชื่อตามปกติแล้วยังเป็นการเพิ่มขึ้น จากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้าลดลง เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและความผิดพลาด ในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ MTC ได้ปรับมาตรฐานในการปล่อยสินเชื่อให้เข้มงวดมากขึ้นมาตั้งแต่ปลายปี 65 นอกจากนี้ยังหันไปเน้นปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกัน ซึ่งถึงแม้ว่าผลตอบแทนจะต่ำกว่าสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน แต่ความเสี่ยงก็ต่ำกว่า และใน 2Q66 ถึงแม้ว่า NPL จะอยู่ที่ 3.36% ยังเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีอยู่ 3.17% แต่อัตราการเพิ่มก็ลดลงเหลือ 12% จาก 1Q66 ที่อัตราการเพิ่มของ NPL อยู่ที่ 13.8%

การตั้งสำรองอาจจจะยังสูงอยู่ ตั้งเป้า NPL ไม่ให้เกิน 3.5%

MTC ตั้งเป้าที่จะรักษาระดับ NPL ไว้ไม่ให้เกิน 3.5% ซึ่งนอกเหนือจากการปรับมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อ การเร่งติดตามหนี้แล้ว ทาง MTC ยังอาจจะมีการตัดหนี้สูญเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปี ทำให้มีความเป็นไปได้ที่การตั้งสำรองอาจจะยังสูงกว่า 1H66 อย่างไรก็ตาม รายได้ดอกเบี้ยที่ยังโตต่อเนื่อง จากสินเชื่อที่เติบโตจะช่วยลดผลกระทบจากการตั้งสำรองได้

มองว่าเป้าการปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 20% จะทำได้แน่นอน

สินเชื่อ 2Q66 สินเชื่อโตแล้ว 24% y-y หรือ 9.8% ytd โดยทางผู้บริหารยังมั่นใจเป้าการปล่อยสินเชื่อที่ตั้งไว้ที่ 20% จะทำได้แน่นอน ถึงแม้ว่า 2H66 MTC อาจจะมีการตัดหนี้สูญ รวมไปถึงการขาย NPL ออกไป เนื่องจากใน 2H66 จะเป็น High season ของการปล่อยสินเชื่อ

ยังคงประมาณการกำไร และราคาพื้นฐาน แต่ปรับลดคำแนะนำลงเป็น “ถือ”

ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 66 ของ MTC ไว้ที่ 4.9 พันลบ. ลดลง 3.2% y-y เนื่องจากการตั้งสำรองที่เพิ่มสูงขึ้นมากในปีนี้ และมีผลขาดทุนจากการขายทรัพย์สินรอขาย มองปี 67 สถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้น และกลับมามีกำไรขยายตัวได้ 14.4% y-y เป็น 5.6 พันลบ. ยังคงราคาพื้นฐาน 39.50 บาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันอาจจะเหลือส่วนต่างไม่มากนัก จึงปรับลดคำแนะนำลงมาเป็น “ถือ” จากเดิมที่แนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย
  2. ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงสินเชื่อจากสถาบันการเงินเป็นหลัก
  3. ความเสี่ยงด้านคุณภาพของลูกหนี้
- Advertisement -