บล.ฟิลลิป:
PTT : กำไรลดตามบริษัทลูก แต่ 2H โตตามราคาน้ำมัน
ซื้อ TP’67: 45.00
กำไรลดตามบริษัทลูกกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่นเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายคาดการณ์ครึ่งปีหลัง ผลดำเนินการจะได้รับแรงหนุนจากธุรกิจสำรวจและผลิต รวมถึงธุรกิจโรงกลั่นตามราคาน้ำมันและค่าการกลั่นที่ปรับตัวสูงขึ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ”ราคาพื้นฐาน 45.00 บาท
งบรวม | 2Q66 | 1Q66 | 2Q65 | % y-y | % q-q | 6M66 | 6M65 | % y-y |
กําไร | 20,107 | 27,855 | 38,543 | -48.2 | -27.8 | 47,962 | 63,635 | -24.6 |
EPS | 0.70 | 0.98 | 1.37 | -48.2 | -27.8 | 1.68 | 2.24 | -24.6 |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- กำไร 2Q66 ลดลงตามบริษัทลูก : กำไรสุทธิ 2Q ออกมา 20,107 ลบ. -28% q-q สาเหตุหลักบริษัทลูกกลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่น โดย 1) ธุรกิจโรงกลั่นปรับตัวลงตามค่าการกลั่นที่ลดลงจาก 8.4 USD/bbl ใน 1Q66 เหลือ 4.1 USD/bbl นอกจากนี้เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลง ทำให้ขาดทุน Stock loss อีก 1.8 USD/bbl 2) ธุรกิจปิโตรเคมี ได้รับผลกระทบ spread ที่ลดลงทั้งจากกลุ่มอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ 3) ธุรกิจสำรวจและผลิต ปรับตัวลดลง จากปริมาณขายลดลง เนื่องจากการเปลี่ยนสัญญาของแหล่งบงกช และราคาที่ลดลงจากโครงการที่มีราคาขาย Premium เมื่อเทียบกับดูไบผลิตได้น้อยลง 4) ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ปรับลดลงตามค่าการตลาดที่ลดลง รวมถึงปริมาณขายน้ำมันลดลง 1.4% โดยหลักจากลูกค่ำกลุ่มอุตสาหกรรมลดลงจากการกลับไปใช้ LNG ที่ราคาปรับลงมา แต่กลุ่ม Non-oil ยังเติบโตได้โดยเฉพาะจากกาแฟอเมซอน 5) ธุรกิจก๊าซลดลงเช่นกัน เนื่องจากโรงแยกก๊าซ มีราคาขายลดลงตามราคาปิโตรเคมีในตลาด
- ครึ่งปีหลังโตตามราคาน้ำมัน : ทางฝ่ายคาดการณ์ครึ่งปีหลังผลดำเนินการจะได้รับแรงหนุนจากธุรกิจสำรวจและ ผลิตรวมถึงธุรกิจโรงกลั่น เนื่องจากตั้งแต่เดือนก.ค.ราคาน้ำมันดิบค่าการกลั่นที่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ที่ผ่านมาบริษัทมีเงินปันผลสม่ำเสมอ โดยปี 66 คาดการณ์ Dividend Yield 5-6% ทางฝ่ายยังคง คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 45 บาท