บล.บัวหลวง:
NEX Point (NEX TB/NEX.BK)
PSH – กำไรไตรมาส 2/66 เป็นไปตามที่เราคาดแต่มากกว่าตลาดคาด
เป็นไปตามที่เราคาดแต่มากกว่าตลาดคาด
PSH รายงานกําไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 1,038 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 141% และ 59% QoQ เนื่องจากในไตรมาส 2/66 PSH ได้กำไรจากการแลกหุ้น 51% ของ Inno Precast Co. Ltd. เพื่อแลกกับสัดส่วน 18.26% ใน General Engineering PCL หรือ GEL หากไม่รวมกำไรสุทธิจากภาษี 563 ล้านบาท และขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ 49 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% YoY แต่ลดลง 16% QoQ ผลลัพธ์เป็นไปตามที่เราคาด แต่มากกว่าตลาดคาด 5.3% PSH ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับครึ่งแรกของปี 2566 ที่ 0.31 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 2.4% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 ส.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 8 ก.ย.)
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
กำไรที่ลดลง YoY และ QoQ เนื่องจากยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยที่ลดลง และอัตรากําไรขั้นต้นจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยที่ลดลง ยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยในไตรมาสนี้อยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท (โครงการแนวราบ 69% โครงการคอนโด 31%) เพิ่มขึ้น 11% YoY แต่ลดลง 6% QoQ ยอดขายโครงการแนวราบอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5%YoY และ 21%QoQ ยอดขายโครงการคอนโดอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%YoY แต่ลดลง 37%QoQ รายได้ธุรกิจการแพทย์อยู่ที่ 440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117%YoY และ 7%QoQ รายได้ของโรงพยาบาลวิมุตเติบโตจากบริการผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน และผู้ป่วยต่างชาติ อัตรากำไรขั้นต้นจากยอดขายที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 31.7% ลดลง 70bps YoY และ 240bps QoQ (PSH ยังคงเคลียร์โครงการเหลือพร้อมขาย) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 22.2% เพิ่มขึ้น 170bps YoY และ 220bps QoQ เนื่องจากรายได้ที่ลดลง อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิอยู่ในระดับต่ำที่ 0.3 เท่า ณ สิ้นเดือน มิ.ย.
แนวโน้ม
เราคาดว่ากําไรหลักไตรมาส 3/66 จะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ (รายได้ที่เพิ่มขึ้น) ยอดขายที่อยู่อาศัยจะลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ PSH ยังคงเคลียร์โครงการเหลือพร้อมขาย ดังนั้นเราจึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย โครงการที่อยู่อาศัยยังคงได้รับแรงกดดันในไตรมาส 3/66 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ (รายได้ที่เพิ่มขึ้น)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราคาดกําไรหลักในปี 2566 ที่ 2.5 พันล้านบาท ลดลง 10% YoY (งานโครงการคอนโดในมือที่ลดลง และการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มากในช่วงครึ่งหลังของปี 2566) ยอดขายที่อยู่อาศัยคาดว่าจะอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท ลดลง 11% YoY (แต่ต่ำกว่าเป้าหมายของ PSH ที่ 3 หมื่นล้านบาท) PSH ประกาศโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 4.3 พันล้านบาทในไตรมาส 3/66 และโครงการใหม่ 13 โครงการ มูลค่ารวม 1.47 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 4/66 ด้านธุรกิจโรงพยาบาล PSH มีแผนขยายโรงพยาบาลแห่งใหม่และโรงพยาบาลดูแลผู้สูงอายุอีก 2 แห่ง
คําแนะนํา
เนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 2/66 เป็นไปตามที่เราคาด แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ดังนั้น ราคาหุ้น PSH จึงมีแนวโน้มปรับตัวลงในระยะสั้น เราแนะนำ ถือ ที่ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท อิงจากที่ PER ที่ 9.5 เท่า (ค่าเฉลี่ยระยะยาวของ PSH)