KS Daily View 16.08.2023 >>> ลุ้น SET ฟื้นตัว มติศาลรัฐธรรมนูญวันนี้และการโหวตนายกเป็นปัจจัยสำคัญ ประเมินกรอบซื้อขาย 1,515-20/1,535 หุ้นแนะนำ HANA QH

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA -1.02%, S&P 500 -1.16%, NASDAQ -1.14%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Health care (-0.36%), Information technology (-0.91%) ขณะที่ Energy (-2.44%), Financials (-1.80%), Materials (-1.65%)

ในประเทศ: SET Index -14.43 pts. หรือ -0.94% ปิดที่ 1,520.73 จุด ตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญคือ CPAXT (+2.29%), PTT (+0.70%), CPALL (+0.81%), BH (+1.22%) ขณะที่ DELTA (-2.36%), PTTEP (-2.71%), BDMS (-2.61%), GULF (-1.55%)

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

แวดล้อมตลาดต่างประเทศดูเป็นลบมากขึ้นหลังจีนประกาศตัวเลขเศรษฐกิจอ่อนแอต่อเนื่อง อีกทั้งดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นกดดัน sentiment โดยรวมและค่าเงินในตลาด EM อย่างไรก็ดี มองวันนี้มีลุ้นดัชนีตลาดไทยอาจฟื้นตัวตอบรับมติศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีกำหนดแถลงในวันนี้ และลุ้นได้กำหนดวันที่จะให้โหวตเลือกนายกครั้งที่ 3 คาดกรอบซื้อขายวันนี้ที่ 1,515-20/1,535 จุด

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) Sentiment ตลาดเป็นลบหลังวานนี้ทางการจีนประกาศตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดและยกเลิกการประกาศตัวเลขการจ้างงานของแรงงานวัยหนุ่มสาวที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจีนผ่านการทำธุรกรรม REPO ระยะสั้น 7 วัน ที่อัตราดอกเบี้ยลดลง 10bps จาก 1.90% เป็น 1.80% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย Medium term lending facility (MLF) 15bps จาก 2.65% เป็น 2.50% ได้ส่งผลบวกจำกัดทั้งในเชิงการกระตุ้นเศรษฐกิจและ sentiment ตลาด เนื่องปริมาณสภาพคล่องที่ใส่เข้ามาค่อนข้างน้อย สวนทางกับทางด้านธนาคารกลางรัสเซียที่มีการเรียกประชุมฉุกเฉินและปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 350bps จาก 8.5% เป็น 12.0% เพื่อชะลอการอ่อนค่าลงของเงินรูเบิลและจัดการกับอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ค่าเงินหยวนและรูเบิลยังเป็นแนวโน้มอ่อนค่ากดดัน sentiment ตลาดใน EM

2.) สหรัฐฯรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. แข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาด โดยขยายตัว 0.7% MoM เทียบกับที่ตลาดประเมินที่จะเพิ่มขึ้น 0.2% MoM ส่งผลให้ตลาดบางส่วนมอง Fed อาจใช้ข้ออ้างการจับจ่ายบริโภคของภาคเอกชนที่ยังแข็งแกร่งเป็นเหตุให้พิจารณาขึ้นดอกเบี้ยต่อ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะ 10 ปีวานนี้จึงปรับตัวขึ้นแรงทะลุระดับสูงสุดใหม่ของปีนี้แตะระดับ 4.25%

3.) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เรียกประชุม กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เพื่อติดตามเร่งรัดมาตรการต่างๆ ในการบริหารจัดการน้ำทั้งประเทศในช่วงฤดูฝนนี้ ทั้งพื้นที่ที่มีความเสี่ยงอุทกภัยและขาดแคลนน้ำ โดยขอความร่วมมือปลูกข้าวรอบเดียว ส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย ขณะที่ด้านเลขาธิการ สทนช. มั่นใจน้ำต้นทุนพื้นที่อีอีซีมีเพียงพอตลอดฤดูแล้งนี้

4.) ศาลปกครองสูงสุดนัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีที่ BTS ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานครและบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กรณีผิดสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อขอให้ชำระค่าตอบแทนตามสัญญาดังกล่าว 1.17 หมื่นล้าน โดยนัดแรกศาลปกครองสูงสุดกำหนดพิจารณา 17 ส.ค.66 หลังศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาสั่งจ่ายภายใน 180 วัน

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

สัปดาห์นี้แนะนำกลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,515 – 1,565 จุด บนความคาดหวังการจัดตั้งรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย พร้อมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ดิจิตอลวอลเล็ต 10,000 บาท และการพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี พักหนี้ SME 1 ปี เป็นต้น ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้าได้แก่ ศาลรธน. จะนัดพิจารณาคำร้องโหวตซ้ำ “พิธา” ในวันพุธนี้ ซึ่งหากไม่สะดุดก็จะเข้าสู่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในลำดับต่อไป ส่วนปัจจัยต่างประเทศจะอยู่ที่การรายงาน FOMC minutes ในวันพุธ และตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่นในวันศุกร์

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

HANA (ราคาพื้นฐาน 56 บาท) บริษัทรายงานผลประกอบไตรมาส 2 /2566 เติบโตแรงทั้ง QoQ และ YoY อีกทั้งสูงกว่าที่เราคาดและตลาดประเมินมาก มองแนวโน้มครึ่งหลังปีนี้สดใสจากการเริ่มกลับมารีสต็อกสินค้า ไลน์การผลิตที่มากขึ้นของ PMS และต้นทุนการผลิตที่ลดลง กอปรกับเรามองเป็นหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มค่าเงินบาทที่พลิกกลับมาอ่อนค่าแรงอีกครั้ง

QH (ราคาพื้นฐาน 2.90 บาท) กำไรไตรมาส 2/2566 เติบโตสองหลักทั้ง QoQ และ YoY รายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ SG&A to sales ลดลงเนื่องจากประโยชน์ของ economy of scale มองครึ่งหลังกำไรดีขึ้นกว่าครึ่งแรกตามแผนการเปิดตัวโครงการใหม่เร่งขึ้นชัด และหุ้นมักวิ่งดีช่วงก่อนขึ้น XD ปันผล 23 ส.ค. นี้โดยจ่ายปันผลครึ่งปีแรกที่ 0.05 บาท และคาดปันผลรวมทั้งปี 0.17 บาท คิดเป็น dividend yield ถึง 7.4%

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธติดตามผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญไทยกรณีข้อบังคับสภา ข้อที่ 41 อาจขัดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต่อด้วยตัวเลขภาคอสังหาฯของสหรัฐฯในช่วงข้ามคืน เริ่มจากตัวเลขบ้านสร้างใหม่ (Housing starts) เดือนก.ค. ตลาดคาดที่ 1,440k ยูนิต เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ 1,434k ยูนิต และตัวเลขอนุญาตก่อสร้าง (Building permits) เดือนก.ค.ตลาดคาดที่ 1,464k ยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1,440k ยูนิต ขณะที่ Fed จะมีกำหนดในการเผยแพร่ผลการประชุม FOMC minutes ในช่วงข้ามคืน ตลาดรอพิจารณาหากจะการส่งสัญญาณถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขผู้รับขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯรายสัปดาห์ ตลาดคาดที่ 241k คน เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า 248k คน และตัวเลขภาคการผลิต Philly Fed ของสหรัฐฯสำหรับเดือนก.ค. ตลาดมองปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ -10 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -13.5 จุด
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขยอดผลิตและยอดขายรถยนต์ของไทยจากสภาอุตสหกรรม
- Advertisement -