TKS แนวโน้ม ครึ่งปีหลังสัญญาณฟื้นตัว บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.08 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 22 ส.ค.นี้
TKS ประเมินแนวโน้มธุรกิจ H2 เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สนับสนุนให้บริษัทสามารถรักษาผลประกอบการในภาพรวมได้ในระดับที่ดี ล่าสุดประกาศผลงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 786.1 ลบ. เพิ่มขึ้น 4.2% จากยอดขายกลุ่มธุรกิจการพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลงที่เพิ่มสูงขึ้น กำไรสุทธิอยู่ที่ 58.3 ลบ. ลดลง 23.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการลดลงของกำไรขั้นต้นและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น บอร์ดไฟเขียวปันผลระหว่างกาล เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 25 ส.ค. 2566 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 ก.ย.นี้
นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ผู้ประกอบธุรกิจ Security Printing ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่ายังเห็นการเติบโตที่ดีของบริษัท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตอย่างน้อย 10% เพราะเริ่มเห็นความต้องการของลูกค้าบางกลุ่มเริ่มกลับมาหลังจาก COVID-19 เช่น งานข้อสอบกลุ่มภาครัฐ และงานพิมพ์บางประเภทเช่น Passbook ของสถาบันการเงิน และงาน security label เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าต่อตามแผนงานที่ต้องการขยายพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการต่างๆ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ซึ่งการเติบโตของธุรกิจใหม่อาจจะต้องใช้เวลาและการลงทุนในช่วงแรกค่อนข้างสูง ผลลัพธ์อาจจะยังไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ในระยะยาวยังเชื่อมั่นว่ายังมีโอกาสเติบโตได้มากกว่านี้
ส่วนแผนการเข้าไปลงทุนถือหุ้นดีลใหม่ๆ บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาดีลต่างๆ ทั้งในส่วนของ Strategic Deal ของ TKS และ Tech Start up Deal ของ Next Ventures ซึ่งเป็นไปตามแผนการเติบโตแบบ Inorganic Growth
“ปี 2566 เชื่อว่ายังเห็นการเติบโตที่ดีของ TKS แม้จะมียอดขายบางส่วนลดลง แต่บางกลุ่มก็เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่ารายได้จะเติบโตได้ราว 10% ซึ่งยังเดินหน้าในการขยายการลงทุนใหม่ๆ ตามกลยุทธ์การเป็น Tech Ecosystem Builder ที่ผ่านมาได้สร้าง Ecosystem ไว้จำนวนมาก ซึ่งการมีธุรกิจใหม่ยิ่งเข้ามาช่วยเสริม ดังนั้นน่าจะเห็นการลงทุนใหม่ๆ ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการรับรู้กำไรจากส่วน Non-printing ประมาณ 70%” นายจุติพันธุ์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวด 6 เดือนของ ปี 2566 (1 ม.ค.-30 มิ.ย. 2566) มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 786.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 31.7ล้านบาท หรือร้อยละ 4.2 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายกลุ่มธุรกิจการพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลงที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 29.6 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 31.7 เนื่องจากในงวดเดียวกันของปีก่อน มีงานโครงการพิเศษในกลุ่มธุรกิจฉลากพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง (Security Label) ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่ากลุ่มธุรกิจการพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลง
โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 58.3 ล้านบาท ลดลง 17.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.4 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการลดลงของกำไรขั้นต้นและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมลดลง 107.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 55.5 โดยมีสาเหตุหลักจากส่วนแบ่งกำไรจาก SYNEX ที่ลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้รับรู้เงินปันผลจากเงินลงทุน ได้แก่ SABUY, MSC และ AIT ในระหว่างไตรมาส 2/66 จำนวน 33.4 ล้านบาท ซึ่งสามารถชดเชยการลดลงของส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมได้บางส่วน
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯด้วยดีเสมอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรจากผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือนแรก ประจำปี 2566 เพื่อจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 25 สิงหาคม 2566 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 กันยายน 2566