ASL ANALYSIS GUIDE
SET แกว่งตัว Sideway มีโอกาสลุ้นรีบาวนด์ทดสอบแนวต้าน 1,530/1,550 แนวรับ 1,518/1,500

ประเด็นการลงทุน
1. ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐาน
2. จังหวะที่น่าสนใจของกลุ่ม Commodity
3. Update การเมืองไทย


วันนี้เคาะ SISB รายงานผลประกอบการ 2Q66 มีกำไรสุทธิ 155.43 ล้านบาท (-2.3%QoQ, +98.5%YoY) เติบโตจากรายได้ค่าธรรมเนียมการศึกษา 39.3%YoY ตามจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นทั้งไทยและต่างประเทศในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเตรียมปรับเป้าหมายจำนวนนักเรียนแตะระดับ 4.0 พันคน จำนวนนักเรียนใหม่ทั้งในและต่างประเทศมีจำนวนมากขึ้นและมีสัญญาณที่ดีอย่างต่อเนื่อง

MARKET STRATEGY

สรุปตลาดวานนี้ SET ปิดที่ 1,528.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.25 จุด (+0.61%) มูลค่าซื้อขาย 53,037.12 ล้าน ปรับตัวขึ้นได้ดีตอบรับข่าวการเมืองเดินหน้าโหวตนายกฯ สัปดาห์หน้า และแรงหนุนหุ้น BH

Research Highlight: ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐาน // Trading กลุ่ม Commodity // จับตาการโหวตนายก

  • ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐาน
    • ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลงแรง ขานรับ US bond yield ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากความกังวลว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาด หลังมีการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟดรอบ 25-26 ก.ค. ที่กรรมการเฟดหลายท่านมีความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อแม้ว่ามีแนวโน้มชะลอตัว แต่ยังคงอยู่สูงกว่าเป้า 2% จึงมีความจำเป็นใช้นโยบายการเงินที่ดึงตัวต่อไป
    • ด้านตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 11,000 ราย สู่ระดับ 239,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว และอาจทำให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น
    • โดยข้อมูลจาก Fed watch tool ระบุว่าตลาดคาดการณ์เฟตจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือน มี.ค. 67
  • จังหวะที่น่าสนใจของกลุ่ม commodity
    • ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น เหนือระดับ S80 ขานรับปัจจัยบวก หลังจากธนาคารกลางจีนให้คำมั่นว่าจะรักษาสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ และจะเดินหน้าใช้นโยบายที่มีประสิทธิภาพในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
    • ยังได้แรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบในคลังสำรองของจีนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 33 เดือน เนื่องจากรัฐบาลได้นำน้ำมันออกมาใช้เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับ EIA ที่รายงานสต็อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ที่แล้วลดลงมากกว่าคาดเช่นกัน
    • นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยบวกจาก dollar index ที่อ่อนค่าลง
    • ในเชิงกลยุทธ์ เราแนะนำ trading กลุ่ม Commodity (Oil+Refinary) ที่ปรับตัวลงแรงก่อนหน้านี้ PTTEP PTTGC IVL TOP BCP
  • Update การเมืองไทย
    • พรรครวมไทยสร้างเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ทำให้ปัจจุบันมีเสียงจาก สส. พรรค ร่วมรัฐบาลแล้ว 314 เสียง โดยจะมีการแถลงการณ์พรรคร่วมในวันที่ 21 ส.ค.
    • ด้านปธ.สภาจะมีการเรียกเข้าประชุมสภาในวันที่ 22 ส.ค. นี้ คาดจะเป็นการโหวตนายกฯ ครั้งที่ 3 โดยพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อคุณเศรษฐา เข้าโหวต โดยเราแบ่งเป็น 2 กรณี

1. โหวตผ่านโดยได้รับเสียงโหวตเกิน 376 เสียง เรามองเป็นบวกต่อตลาด ที่จะเห็นโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลที่เร็วขึ้น และคาดหวังการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่นำโดยนโยบายของพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย หนุนให้ตลาดปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับก่อนการเลือกตั้งที่ระดับมากกว่า 1560 จุด

2. ในกรณีที่โหวตไม่ผ่าน มองเป็นลบต่อตลาดเนื่องจากจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า

    • ทั้งนี้หากไม่ผ่านโหวตพรรคเพื่อไทยไม่สามารถเสนอชื่อคุณเศรษฐา ได้ทำให้มีโอกาสที่จะเสนอชื่อคุณแพทองธาร เข้าโหวตแทน หรือมีโอกาสส่งต่อสิทธิ์ในการเสนอชื่อให้แก่พรรคอันดับ 3 พรรคภูมิใจไทย และอันดับ 4 พลังประชารัฐ
    • ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำทยอยสะสม กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการติดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ได้แก่กลุ่มบริโภคในประเทศจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก CBG CPALL BJC SAWAD TIDLOR กลุ่มก่อสร้างขานรับการเดินหน้าของนโยบายการลงทุนภาครัฐ STEC CK ITD BEM กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC BGRIM GULF EA กลุ่มทุนใหญ่ CPN CRC CPALL ADVANC GULF
  • สัปดาห์หน้า ติดตาม 
    • 21 ส.ค. : GDP ไตรมาสที่ 2 ของไทย
    • 22 ส.ค.: ยอดขายบ้านมือสองเดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ
    • 23 ส.ค.: ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซือ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน ส.ค. ของยุโรป // ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ // ยอดขายบ้านใหม่ เตือน ก.ค. ของสหรัฐฯ
    • 24 ส.ค. การประชุมประจำปีของเฟดที่แจ็กสัน โฮล // ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ // จํานวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯ
    • 25 ส.ค.: ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภคเดือน ส.ค. ของสหรัฐฯ
  • Investment Strategy
    • เราประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway มีโอกาสลุ้นรีบาวนด์ทดสอบแนวต้าน 1530-35 เป็นกรอบพิจารณาเล่นรอบ แนวต้านถัดไป 1550/1560 แนวรับ 1518-15 ต่ำกว่ารอเล่นรอบใหม่ที่ 1500
    • รับปัจจัยบวกในประเทศเป็นหลัก หลังเริ่มเห็นความชัดเจนทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นรับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น นอกจากนี้เริ่มเห็น fundflow ที่ไหลเข้าเป็นวันแรก ยังมีโมเมนตัมบวกได้ เนื่องจากสัปดาห์หน้าจะมีงาน Thailand Focus 2023 มองว่ากลุ่ม Domestic play เช่นกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก-บริโภค ท่องเที่ยว จะเป็นกลุ่มที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ และมีโอกาส outperform ตลาดได้
    • แนะนำ Selective buy

1. หุ้น DCA+ปันผลที่น่าสะสม BANPU INTUCH PTT LH TISCO EGCO

2. หุ้นกลุ่ม Defensive อย่างกลุ่มโรงพยาบาล BDMS BH โรงเรียน SISB

3. Domestic play กลุ่มธนาคาร KBANK BBL SCB KKP กลุ่มค้าปลีก-บริโภค CPALL CPAXT CRC CPF CBG กลุ่มท่องเที่ยว AOT ERW MINT SPA

Global Markets

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงเกือบ 300 จุด โดยตลาดถูกกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร สหรัฐ รวมทั้งความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางรายใหญ่ต่าง ๆ จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ ระดับสูงต่อไป

(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวก ขานรับความหวังที่ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการฟื้นฟูตลาด อสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง

(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดร่วงหลุดจากระดับ 1,920 ดอลลาร์ และปิดในแดนลบติดต่อกัน 9 วันทําการ ซึ่งเป็นสถิติการปิดลบที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2560 โดยตลาดถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร สหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

หุ้นเคาะไป คุยไป… SISB

  • SISB รายงานผลประกอบการ 2Q66 มีกําไรสุทธิ 155.43 ล้านบาท (- 2.3%QoQ, +98.5%YoY) เติบโตจากรายได้ค่าธรรมเนียมการศึกษา 39.3%YoY ตามจํานวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นทั้งไทยและต่างประเทศ โดย สัดส่วนนักเรียนต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 23% จากปีก่อนที่ 15.9% รวมถึงมีการปรับขึ้นของอัตราค่าบริการขึ้นเฉลี่ยต่อคนต่อปีเป็น 5.3 แสนบาท +15.6%YoY จากการเรียน onsite ที่มากขึ้น และรายได้จากการจําหน่ายอุปกรณ์ทางการศึกษา 144.4%YOY ตามการจัดกิจกรรมหลังเวลาเรียนและกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดี ส่วนด้าน GPM เพิ่มขึ้นเป็น 57% จากปีก่อนที่ระดับ 48.9% จากการมีต้นทุนคงที่ในส่วนของบุคลากร และอาคาร สถานที่ ขณะที่ SG&A ต่อรายได้ลดลงเหลือ 21.8% จากปีก่อนที่ระดับ 23.0% จากค่าใช้จ่ายบางส่วนเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้มากกว่าการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย สะท้อนการเกิด economy of scale จากจํานวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น
  • ผู้บริหาร SISB มีมุมมองที่เป็นบวกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเตรียมปรับเป้าหมายจํานวนนักเรียนแตะระดับ 4.0 พันคน จากเดิมที่ทำไว้ 3,700 คน เนื่องจากจำนวนนักเรียนใหม่ทั้งในและต่างประเทศมีจำนวนมากขึ้น และมีสัญญาณที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาอีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ นนทบุรี และโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ระยอง ซึ่งได้เปิดให้บริการการศึกษาในวันที่ 15 เดือนส.ค. และคาดว่าจะมีจำนวนนักเรียนใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีอาจเห็นแนวโน้ม GPM ปรับตัวลง และ SG&A ต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้น
- Advertisement -