บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (“WHA Group”) ส่งสัญญาณ 4 กลุ่มธุรกิจครึ่งหลังปี 2566 สดใส จากแรงหนุนการย้ายฐานการผลิตเข้ามาไทย – เวียดนามเพิ่มขึ้นของกลุ่มลูกค้าจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ พร้อมประกาศปรับเป้ายอดขายที่ดินเป็น 2,500 ไร่ แย้มไตรมาส 3/2566นี้ ส่งสัญญาณข่าวดีเชิงบวก ทั้งเตรียมเซ็นสัญญาเช่าที่ดินกว่า 300 ไร่ในเวียดนาม กับผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก และโปรเจคอื่นๆที่น่าจับตา
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยว่าภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังมีการเติบโตสดใสต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ที่ยังคงได้รับปัจจัยบวกจากกระแสการเคลื่อนย้ายฐานทุนและฐานการผลิตที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากนักลงทุนชาวต่างชาติที่เข้ามา site visit เพื่อการลงทุนสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่มากเป็นประวัติการณ์ ด้วยดีมานด์ของที่ดินอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้ บริษัทฯ จึงต้องเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในไทยและเวียดนาม โดยภายในสิ้นปี 2566 นี้ คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินทะลุไปทดสอบ 2,500 ไร่ เพิ่มเติมมากกว่าเป้าหมายการขายที่ดินจำนวน 1,750 ไร่ (ไทย 1,200 ไร่ / เวียดนาม 550 ไร่) ตามแผนที่วางไว้เมื่อต้นปี
โดยในช่วงไตรมาส 3/2566 นี้ บริษัทฯ เตรียมลงนามในสัญญากับผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก เพื่อพัฒนาโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หลากหลายประเภทบนพื้นที่ดินรวมกว่า 300 ไร่ ภายในพื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ 1 – เหงะอาน เฟส 2 ซึ่งการเข้ามาลงทุนของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงจุดเด่นและข้อได้เปรียบของกลุ่มบริษัท และจังหวัดเหงะอาน ทั้งในแง่ของที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ความพร้อมของแรงงาน โครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค และโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ธุรกิจโลจิสติกส์ในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ซึ่งสอดรับกับโอกาสที่จะเซ็นสัญญาเช่ากับลูกค้ารายใหม่ ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มขึ้นที่คาดว่าจะมีข่าวดีเร็วๆนี้ รวมถึงการส่งมอบพื้นที่เช่าให้กับลูกค้าตามแผนที่วางไว้ อาทิ โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21 บนเนื้อที่รวมกว่า 400 ไร่ ปัจจุบันเร่งพัฒนาเฟส 2 หลังจากเฟสแรกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยล่าสุด บริษัท Webasto จำกัด หนึ่งใน 100 บริษัทผู้จัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ได้ลงนามในสัญญาเช่าอาคารคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit ขนาดพื้นที่ 13,083 ตารางเมตร ในพื้นที่ของโครงการเฟส 2 เป็นที่เรียบร้อย
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาโรงงานแบบ Built-to-Suit (ส่วนขยาย) ให้กับลูกค้าผู้ผลิตแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอชลบุรี 1 เพื่อรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต
ส่วนธุรกิจ Office Solutions ภายในไตรมาส 3/2566 นี้ จะมีโครงการที่ใกล้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้แก่ โครงการ Quant Sukhumvit 25 ย่านสุขุมวิท-อโศก อาคารสำนักงาน 7 ชั้น มีพื้นที่เพื่อการพาณิชยกรรมรวม 9,900 ตารางเมตร และโครงการอาคารเพื่อการพาณิชยกรรม พื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร บนทำเลใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2567 และ โครงการ Medical Center แบบ Built-to-Suit พื้นที่กว่า 6,900 ตารางเมตร ที่ได้มีการลงนามในสัญญากับผู้เช่าและเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ บริษัทฯมีแผนการเตรียมขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART ในปีนี้ ล่าสุดผู้ถือหน่วยกองทรัสต์ WHART ได้มีมติอนุมัติให้ทำการลงทุนทรัพย์สินเพิ่มเติมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 142,583 ตารางเมตร เป็นมูลค่า 3,567 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2566 ตามแผนงานที่วางไว้
ส่วนธุรกิจน้ำ และไฟฟ้า ยังมีการเติบโตตามการขยายตัวของกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มีจำนวนเซ็นสัญญาโครงการ Private PPA สะสมจำนวน 167 เมกะวัตต์ และในไตรมาสดังกล่าวได้มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ไปแล้วประมาณ 104 เมกะวัตต์ ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ราว 717 เมกะวัตต์ และเตรียมการลงทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบFeed in Tariff (FiT) เฟส 1 ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (SCOD) ในช่วงปี 2572-2573
นอกจากนี้ WHA Group มุ่งพัฒนาองค์กรสู่การเป็น Technology Company ภายในปี2567 และยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในยุคดิจิทัล ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ ภายใต้ภารกิจ Mission To The Sun หรือ MTTS และมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทในอนาคต