บล.ฟิลลิป:

บี.กริม เพาเวอร์ – BGRIM ยังมีเรื่องดีๆรออยู่

กำลังการผลิตในมือยังเติบโตดีในปี 65-66

ภาพรวมกำลังการผลิตในมือยังเติบโตปีนี้ไม่มาก แต่จะสูงขึ้นในปี 65-66 และเพิ่มเล็กน้อยในปี 67-68 โดยกำลังการผลิตปีนี้เติบโต 1% เป็น 1,953 MWe จากโครงการไฟฟ้าพลังลมบ่อทอง กำลังการผลิต 14.8 MWe และส่วนขยายโรงไฟฟ้าก๊าซ BGPM และในปี 65 เพิ่มขึ้น 11% เป็น 2,178 MWe จากโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์อู่ตะเภา, 5 โครงการ SPP ทดแทน และ 2 โครงการพลังน้ำท่ีลาว ส่วนปี 66 เพิ่มขึ้น 13% เป็น 2,464MWe จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำท่ีลาว,โรงไฟฟ้าก๊าซอ่างทอง และโรงไฟฟ้าไฮบริดอู่ตะเภา ในขณะที่ปี 67 และ 68 กำลังการผลิตเพิ่มราว 1% ต่อปี เพราะมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ลาวขนาดเล็กเข้ามา

ลุ้นโครงการใหม่เร็วๆนี้

บริษัทยังต้องหาโครงการใหม่มาเติมกำลังการผลิตในปี 67-68 โดยคงแผนงานหาโครงการใหม่ใน 2H64 แม้ว่าที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้า แต่ล่าสุด ทางบริษัทคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ (สร้างใหม่) และการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่แล้ว (M&A) ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งนี้แบ่งเป็นโครงการใหม่สร้างใหม่ 500-1,000MW และโครงการที่ดำเนินการแล้ว ท่ีทางบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อ ซึ่งน่าจะมีข้อสรุปใน 2H64 แบ่งเป็นโรงไฟฟ้า SPP ในประเทศไทย 3-4 โครงการ กำลังการผลิตราว 300-350 MW ขณะที่ยังเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในมาเลเซีย 200-250 MW และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เกาหลีใต้เฟส 1 (100-150MW) ในเวลาเดียวกัน ยังสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ ธรรมชาติที่เวียดนาม (2,000-3,000MW) ทั้งนี้ยังรอความชัดเจนจากแผนพัฒนาไฟฟ้าของเวียดนามฉบับใหม่ ซึ่งมีความล่าช้าจากการปรับเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี และปัญหา COVID-19 ทางฝ่ายคาดความคืบหน้าการลงทุนโครงการใหม่ก่อนสิ้นปีนี้เป็นปัจจัยเร่งเชิงบวกต่อราคาหุ้นท่ีรออยู่

กำไรปีนี้ยังเติบโตได้จากการขายไฟฟ้าอุตสาหกรรมฟื้นตัว ชดเชยต้นทุนพลังงานปรับขึ้น

ทางฝ่ายคงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 3.1 พันลบ.ท่ีเติบโต 42%y-y จากรายการ FX ท่ีปีนี้สูงกว่าปีก่อน อย่างไรก็ดี  หากไม่รวมรายการ FX ทิศทางกำไรปกติปีนี้ยังเติบโตได้ดี +14% y-y โดยประเมินรายได้เพิ่ม 5% จากการขายไฟฟ้าอุตสากรรมที่ดีขึ้นจากปีก่อน และการใช้กำลังการผลิตมากขึ้น ขณะที่ GPM ยังเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาก๊าซจะเพิ่มขึ้น ใน 2H64 แต่การผลิตมากขึ้น ช่วยลดภาระต้นทุนคงที่ได้ อีกทั้ง ผลกระทบจากราคาก๊าซปรับขึ้นในส่วนของการขายไฟฟ้าให้ EGAT (61% ของรายได้) รับการชดเชย ได้ตามสัญญา SPP ส่วนจากการขายไฟฟ้าอุตสาหกรรม (ราว 24% ของรายได้) ต้องรอการปรับราคาผ่านการขึ้นค่า FT ท่ีช้ากว่าราคาก๊าซที่ปรับขึ้นไปแล้ว ผลกระทบต่อ Margin ไม่มาก ทำให้กำไรปกติปีนี้ยังเติบโตได้ ขณะที่กำไรปีหน้ามีแนวโน้มเติบโต 21% ตามกำลังการผลิตใหม่ ทั้งนี้หากมีข้อสรุปการซื้อโรงไฟฟ้าใหม่ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าท่ีผลิตแล้วจะเป็นส่วนเพิ่มจากประมาณการของทางฝ่ายในปี 2564-2565

แนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 50 บาท

ราคาหุ้น BGRIM ค่อนข้างปรับขึ้นช้า (Laggard) เทียบกับ GULF และ GPSC เพราะความล่าช้าของการลงทุนโครงการใหม่ อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายเชื่อว่าก่อนสิ้นปีนี้จะมีข้อสรุปโครงการใหม่ขนาด 200-300 MWe ราคาปิดล่าสุดยังต่ำกว่าราคาพื้นฐานท่ีประเมินจากโครงการในมือ ไม่รวมโครงการใหม่ และ P/B ล่าสุดต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลัง ทางฝ่ายมองราคาหุ้นมีความเสี่ยงต่ำ โดยมีปัจจัยเร่งลุ้นโครงการใหม่ จึงแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -