เมื่อวาน Landing วันนี้ Take off / 1,540-1,560

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET เดินหน้าต่อในทางขึ้น ด้วยปัจจัยภายในประเทศ : ตอบรับมติที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบการแต่งตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน ให้เป็นนายกฯ ด้วยคะแนนเห็นชอบ 482 เสียง ซึ่งเป็นการปลดล็อค Overhang ของการเมืองไทย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯคนที่ 30 ทั้งนี้ จากสถิติในอดีตพบว่าก่อนได้นายกฯ 1 เดือนและ 2 สัปดาห์ SET Index ปรับตัวขึ้น 0.97% และ 2.46% ตามลำดับ (อ้างอิงจากข้อมูลในปี 62) ขณะที่ภาพ Mtd ของเดือนส.ค.66 SET Index ปรับตัวลงไปแล้วกว่า 0.67% ส่งผลให้ทางฝ่ายมองว่า SET Index ยังมีรูบในการปรับขึ้นตอบรับการได้รัฐบาลใหม่ ตามความคาดหวังต่อการเดินหน้ามาตรการต่างๆ ของรัฐบาลใหม่ เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นศก.ไทย โดยเฉพาะนโยบายเด่นอย่างเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่จะเป็นการสนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภค และเป็นแรงหนุนต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก การเงิน และหุ้นที่เกี่ยวเนื่อง ขณะที่โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มีแนวโน้มเดินหน้าต่อ ซึ่งจะส่งผลทางบวกต่อผลดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ส่วนหุ้นที่มีความเกี่ยวเนื่องกับขั้วการเมืองคาดจะตอบรับทางบวกในเชิง Sentiment ต่อในวันนี้ นอกจากนี้ ด้วยภาพการเมืองไทยชัดเจน คาดจะเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนที่ไม่ชอบความไม่แน่นอนเริ่มกลับมาเข้าซื้อและดึงให้ Fund Flow ไหลกลับเข้าสู่ SET Index สอดรับกับนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มเห็นสัญญาณซื้อสุทธิต่อเนื่อง 2 วัน ติดต่อกัน อีกทั้งคาดงาน Thailand Focus 2023 จะเป็นอีกแรงที่ช่วยดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเข้าสู่ SET Index
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) หุ้นรับอานิสงส์การเมือง: CK, EA, GULF, GUNKUL, SC, SIRI, STEC 2) Spending: BJC, COM7, CPALL, CPAXT, CPN, KTC, TIDLOR 3) Big Cap.: CENTEL, KBANK, PTT และ 4) Selective: AAV, AOT, CKP, WHAUP

ปัจจัยบวก

  • SET จัดงาน Thailand Focus 2023 ระหว่างวันที่ 23-25 ส.ค. ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก และชี้ให้เห็นถึงโอกาสการลงทุนในตลาดทุนไทย และนำมาสู่ความก้าวหน้าและความแข็งแกร่งของศก.และตลาดทุนไทย
  • กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยประเทศไทยมีจำนวนนทท. ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. – 20 ส.ค. 66 จํานวน 17.03 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนทท.ต่างชาติแล้ว 7.14 แสนลบ.
  • ผอ.สนค.เผยถึงสถานการณ์เงินเฟ้อของโลกปี 66 ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 6M66 ของไทยอยู่ที่ 2.49% ต่ำเป็นอันดับ 9 ของโลกจาก 130 เขตศก.ที่มีการประกาศตัวเลข ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ

ปัจจัยลบ

  • จีนระงับการนำเข้ามะม่วงจากไต้หวัน โดยให้เหตุผลว่ามีการตรวจพบเพลี้ยแป้งในผลไม้ชนิดดังกล่าว แต่บลูมเบิร์กรายงานว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นตัวอย่างของการทูตผลไม้ ท่ามกลางความตึงเครียดที่ทวีความคุกรุ่นระหว่างจีนกับไต้หวัน
  • S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารหลายแห่งในสหรัฐฯ ได้แก่ คีย์คอร์ป, โคเมริกา อิงค์, วัลเลย์ เนชันแนล แบงคอร์ป, ยูเอ็มบีไฟแนนเชียล คอร์ป และแอสโซซิเอทเต็ดแบงก์-คอร์ป ลง 1 ขั้น โดยระบุถึงผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และการโยกย้ายเงินฝากที่เกิดขึ้นทั่วทั้งภาคธนาคาร
  • ปธ. ริชมอนด์เผยเฟดจะต้องเปิดกว้างต่อความเป็นไปได้ที่ว่าศก.จะเร่งตัวขึ้นมากกว่าที่จะชะลอตัวลง ซึ่งจะบ่งชี้ให้เฟดต่อสู้กับเงินเฟ้อต่อไป

PICKS OF THE DAY

PTT BUY

  • เป้าหมาย 37.50 / 38.50 แนวรับ 34.75/35.50
  • 2H66 กลับมาฟื้นตัว : จากทิศทางการฟื้นตัวของราคาน้ำมันในครึ่งปีหลัง จะเป็นปัจจัยหนุนบริษัทลูกที่ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิต รวมถึงธุรกิจโรงกลั่นกลับมาฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง
  • ธุรกิจใหม่หนุนเติบโตระยะยาว : ธุรกิจประกอบแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ EV และโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด ถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคต สำหรับรองรับการกักเก็บไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด คาดเริ่ม COD ตั้งแต่ 4Q66-4Q67 นอกจากนี้ธุรกิจยา ยังคงไปได้ดีโดยเฉพาะการเปิดยาเกี่ยวกับการรักษามะเร็งตัวใหม่ในสหรัฐอเมริกา

CPAXT BUY

  • เป้าหมาย 37.00 / 38.00 แนวรับ 35.00
  • รายได้จากค้าปลีกฟื้นตัว: กำไรโต 8.1% y-y หากไม่รวมรายการพิเศษ 185 ลบ. โดยมีรายได้จากการดำเนินงานโต 2.3% จากรายได้กลุ่มค้าส่งที่เพิ่มขึ้น7.4% y-y จากการเพิ่มสาขาใหม่อีก 9 สาขา แบ่งเป็นในประเทศ 6 สาขา และต่างประเทศ 3 สาขา ร่วมกับ SSSG โต 6.0%y-y ชดเชยรายได้กลุ่มค้าปลีกที่ชะลอตัวลงโดยมี SSSG -2.9%y-y
  • คาดกำไร 2H66 ดีกว่า 1H66: คาดกำไรฟื้นตัวในครึ่งปีหลังจากการปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จใน 2Q66 ซึ่งคาดว่าดอกเบี้ยจ่ายจะเริ่มลดลงตั้งแต่ 3Q66 เป็นต้นไป รวมถึงค่าไฟต่อหน่วยที่ลดลงและ SSSG ที่ฟื้นตัวจากการเข้าสู่ High Season
- Advertisement -