TAKUNI วางยุทธศาสตร์ 3 ปีรุกหนักธุรกิจพลังงานสะอาด ผนึกพันธมิตรผลิต–นำเข้า “มอเตอร์ไซค์–รถกระบะ” ขายในประเทศ ตั้งบ.ทาคูนิเทรดดิ้ง เป็นตัวแทนขายสินค้า – ปลายปีนี้จ่อเซ็น 2-3 มหาวิทยาลัยร่วมมือโครงการสมาร์ท ยูนิเวอร์ซีตี้
ทาคูนิ กรุ๊ป เปิดยุทธศาสตร์ 3 ปีรุกหนักธุรกิจพลังงานสะอาด รับตลาดโลกเติบโตสูง และเป็น News S-curve ใหม่ ระบุอยู่ระหว่างร่วมมือพันธมิตรเป็นตัวแทนผลิต–จัดจำหน่ายรถไฟฟ้า ทั้งมอเตอร์ไซค์จากไต้หวัน รถยนต์เพื่อการพาณิชย์หรือรถกระบะจากจีน และ รถบัส แย้มปลายปีจ่อเซ็นเอ็มโอยู 2-3 มหาวิทยาลัย ผุดโครงการสมาร์ท ยูนิเวอร์ซิตี้ ขณะที่ธุรกิจปัจจุบัน “รับเหมาก่อสร้าง–ขนส่งทางบก–ธุรกิจทดสอบความปลอดภัยและธุรกิจจัดสรรทรัพยากร” ยังเดินหน้าต่อเนื่องเหตุเป็นธุรกิจที่มีลูกค้าเหนียวแน่นและสร้างรายได้มั่นคง
ดร.สมยศ ติรนวัฒนานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการ บริษัททาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของกลุ่มทาคูนิ กรุ๊ปว่า ยุทธศาสตร์ธุรกิจของกลุ่มในช่วง 3 ปีข้างหน้า วางเป้าหมายจะรุกหนักในธุรกิจพลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือกเต็มสูบ โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ส่วนรถยนต์เชิงพาณิชย์ หรือรถกระบะไฟฟ้า รถทรัค และรถบัสไฟฟ้า อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการ รถแบรนด์ดังในประเทศจีน เพื่อเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายในไทย เนื่องจากมองว่าแนวโน้มรถ EV หรือรถไฟฟ้าเป็นเมกะเทรนด์หรือเทรนด์ของโลกที่กำลังมาแรง และจะกลายเป็นตลาดใหญ่ของโลกในอนาคต
“ธุรกิจเดิมเราก็ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจต่อไป ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ธุรกิจทดสอบความปลอดภัย ธุรกิจขนส่งทางบก ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ติดตั้งแก๊ส รวมทั้งธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคล เนื่องจากยังมีลูกค้าประจำ และยังเป็นตัวทำรายได้หลักให้กับบริษัทในปัจจุบัน แต่เราไม่ได้หยุดแค่นี้ เรามองหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ อย่างพลังงานสะอาดที่เป็น News S-curve ของประเทศไทย และตลาดโลกเพื่อทำให้กลุ่มทาคูนิ มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”ดร.สมยศกล่าว
ดร.สมยศกล่าวอีกว่า ปีหน้าแผนงานต่างๆ จะมีความความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น เรากำลังอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่แข็งแรง ซึ่งมีความพร้อมทั้งเทคโนโลยี และคน เพื่อผลิตรถไฟฟ้าให้เราเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายในไทยและต่างประเทศทั้งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และรถยนต์พาณิชย์ไฟฟ้า โดยการพูดคุยกับพันธมิตรจะมีทั้งผู้ประกอบการจากประเทศจีน และไต้หวัน รูปแบบที่หารือกัน อาจจะเป็นการผลิตในต่างประเทศแล้วมาประกอบในไทยหรือในประเทศที่ 3 ต้องพิจารณาหลายด้านรวมถึงเรื่องเทคโนโลยีด้วย และที่สำคัญเราต้องดูเรื่องสิทธิภาษีอีกทีว่าประกอบที่ไหนจะได้สิทธิภาษีที่ดีที่สุด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทาคูนิ กรุ๊ป กล่าวอีกว่า ในส่วนของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่บริษัทได้ประกาศเปิดตัวตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับผู้พันธมิตรที่เป็นประกอบการเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ โดยจะมีทั้งการนำเข้ารถมอเตอร์ไซค์ EV จากไต้หวัน มาจำหน่ายซึ่งจะมีหลากหลายรุ่น และหลายแบรนด์ให้ลูกค้าเลือกซื้อ
“ปลายปีนี้จะได้เห็นเราเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า โดยตลาดที่เราจะเจาะในช่วงแรก จะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นิคมอุตสาหกรรม และมหาวิทยาลัย ซึ่งคาดว่าปลายปีนี้ อาจจะมีการเซ็นสัญญากับ 2-3มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมมือทำโครงการ สมาร์ท ยูนิเวอร์ซิตี้ ให้กับบุคคลากรของมหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นเฟสแรกที่เราจะเริ่มบุกตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ส่วนเฟสต่อไปอาจจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนขายหรือดีลเลอร์” ดร.สมยศกล่าว
ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายในการประกอบธุรกิจโดยก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยที่สุด (Credit zero waste carbon dioxide) จึงได้ขายคลังแก๊สในจังหวัดปทุมธานีในไตรมาสแรกของปีนี้ และได้ทำสัญญาจะขายคลังแก๊สในจังหวัดพิจิตรในไตรมาส 3 ประกอบกับแนวโน้มธุรกิจพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกกำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย บริษัทจึงได้มีนโยบายในการปรับเปลี่ยนธุรกิจหลักไปในกลุ่มของพลังงานสะอาด โดยอยู่ระหว่างจับมือกับพันธมิตรในการผลิตรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่วางแผนจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศภายในปีนี้
ส่วนธุรกิจอื่นๆนั้น ก็อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยบริษัทมีแผนจะจัดตั้งบริษัททาคูนิ เทรดดิ้ง จำกัด เพื่อเป็นตัวแทนขายโปรดักส์อื่นๆ ที่บริษัทอยู่ระหว่างติดต่อเพื่อเป็นตัวแทนในการจัดจำหน่ายในประเทศ ซึ่งทางบริษัทพร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เป็นความต้องการของตลาดมาขาย
“กลุ่มทาคูนิ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง เรายังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของกลุ่ม ซึ่งการขยายธุรกิจไปสู่พลังงานทางเลือก หรือพลังงานสะอาด โดยเฉพาะรถไฟฟ้า เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต เพราะเป็นเทรนด์ของตลาดโลก ขณะที่ธุรกิจเดิมก็เติบโตได้ดี มีฐานลูกค้าเหนียวแน่นและทำรายได้ให้กับบริษัทมั่นคง” ดร.สมยศกล่าว